วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

ความว่าง พื้นที่ความสุข ที่เรามักมองข้ามไป



ยิ่งมีความต้องการมากเท่าใด

ภาระที่ต้องแบกรับก็จะมากขึ้นเท่านั้น

การแสวงหาและการได้มา

ที่ดูเหมือนเป็นการทุ่มเทเกินร้อย

ก็เป็นเพียงการทำเรื่องที่ควรจะง่าย

ให้เป็นเรื่องยากโดยไม่จำเป็น

ชีวิตที่กำลังก้าวไปจึงยากและยุ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

มีลิงตัวหนึ่งออกหาอาหารและได้มาเจอเม็ดถั่วเข้า จึงจัดการเก็บเม็ดถั่วเหล่านั้นมาเก็บไว้ในกำมือด้วยความดีใจ แต่ด้วยความที่ไม่ทันระวัง ขณะที่กำลังเดินกลับไปยังที่อยู่ของตน ถั่วเม็ดหนึ่งได้หล่นจากกำมือ

เมื่อลิงเห็นว่ามีถั่วหล่นจากมือ มันก็รีบทิ้งถั่วที่เหลือทั้งหมด เพื่อที่จะเก็บถั่วเพียงเม็ดเดียวที่หล่นลงไป ครั้นเก็บเม็ดที่หล่นได้แล้ว จึงรู้ว่าตนได้ทิ้งเม็ดถั่วที่เหลือ

เจ้าลิงผู้ห่วงหน้าพะวงหลัง จึงตามเก็บเม็ดถั่วที่หล่นเรี่ยราดไปเรื่อยๆ แต่เมื่อเก็บได้จนเต็มกำมือ มันก็ทิ้งถั่วที่เก็บขึ้นมาลงที่พื้นอีก เพื่อที่จะเก็บถั่วที่ยังเหลืออยู่ และต้องเวียนเก็บอยู่อย่างนี้เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่สามารถเก็บได้หมดสักที

ในขณะที่กำลังกุลีกุจอเก็บเม็ดถั่วอยู่นั้น ก็มีฝูงนกมาจิกกินเป็นจำนวนมาก ลิงก็ทั้งเก็บเม็ดถั่วและไล่นกไปด้วย จากที่คิดว่าจะได้ครบทุกเม็ด ก็เหลือถั่วเพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น ทำให้ลิงผู้คิดว่าจะครอบครองเม็ดถั่วทั้งหมด ต้องกลับไปยังที่อยู่ของตนด้วยความผิดหวัง

บางครั้งชีวิตของเราก็เหมือนกับลิงที่ตามเก็บเม็ดถั่ว ที่ดูเหมือน ว่าต้องการเก็บรายละเอียดทุกอย่างให้มากที่สุด เพื่อเติมแต่งให้ตัวเองรู้สึกว่าสมบูรณ์แบบกว่าใครๆ

แต่ยิ่งมีความต้องการมากเท่าใด ภาระที่ต้องแบกรับก็จะมากขึ้นเท่านั้น การแสวงหาและการได้มา ที่ดูเหมือนเป็นการทุ่มเทเกินร้อย ก็เป็นเพียงการทำเรื่องที่ควรจะง่าย ให้เป็นเรื่องยากโดยไม่จำเป็น ชีวิตที่กำลังก้าวไป จึงยากและยุ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ทว่าหากรู้จักไตร่ตรองให้ลึกซึ้ง และวินิจฉัยตรวจตราตัวเองด้วยปัญญา จะเห็นได้ว่าชีวิตของคนเรา ล้วนมีความมหัศจรรย์ซ่อนอยู่ เกินกว่าที่เราจะเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระมากเกินความจำเป็น

แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เรามักจะลบข้อมูลแห่งความมหัศจรรย์ให้หายไป แล้วแทนที่ด้วยความไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี ทำให้ชีวิตต้องพบกับความสับสนและไร้ทางออก เมื่อต้องเจอกับปัญหาที่เข้ามารุมเร้าตัวเรา

ผู้อ่านเคยสังเกตไหมว่า ในวันที่ชีวิตของเรามีปัญหา ถ้ารู้จักมองในแง่ของการพัฒนา ตัวปัญหานั่นแหละคือสิ่งที่ท้าทาย ที่ทำให้เราได้ค้นหาความมหัศจรรย์ที่มี เพื่อให้ความพิเศษที่มีอยู่ช่วยคลี่ความยุ่งเหยิงให้คลายตัว สิ่งดังกล่าวก็คือ "ความว่าง"

"ความว่าง" เมื่อมองอย่างผิวเผิน บางครั้งก็ทำให้หลายคนคิดว่ามันคือความขาดเกิน ที่ไม่มีอะไรมาเพิ่มเติมให้เกิดเป็นความบริบูรณ์ เป็นความโล่งเตียนที่เหมือนไม่มีการเติมเต็มจากสิ่งใดๆ เราจึงรู้สึกว่าความว่างไม่มีประโยชน์อะไรต่อชีวิตนี้
แต่หากรู้จักพิจารณาให้ละเอียดลงไป เราจะเห็นได้ว่าชีวิตที่จะมีความสุขและความสมดุล ล้วนต้องอาศัยความว่างมาคอยรองรับให้การเติมเต็มมีความบริบูรณ์เสมอ

ตื่นเช้าขึ้นมาในวันใหม่ อากาศที่ล่องลอยผ่านไปมาให้เราได้สูดดม และรู้สึกได้ถึงความสดใสในแต่ละวัน ก็ล้วนล่องลอยมาท่ามกลางความว่างของอากาศเสมอ

บ้านที่เรารู้สึกว่าให้ความอบอุ่นแก่ตัวเราและคนที่เรารัก ก็มีพื้นที่ว่างของบ้านให้เราได้อยู่อาศัย และเป็นแหล่งรวมใจให้เราและคนที่เราพึงใจได้อยู่ใกล้ชิดกัน

ความวุ่นวายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจิตใจ ที่กลุ้มรุมเพื่อทำร้ายความผ่องใสให้เป็นความขุ่นมัว ก็ล้วนมีความว่างที่เกิดจากความสงบ เข้ามาช่วยผ่อนคลายให้ความยุ่งยากนั้นจืดจางไป

ยิ่งเป็นความสุขในมิติของจิตใจด้วยแล้ว ความว่างจากอารมณ์ ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะเหตุแห่งความว้าวุ่นที่คุกรุ่นในใจเรา ล้วนเกิดจากความอัดแน่นของความต้องการที่ไม่รู้จักพอเป็นหลัก

เป็นชีวิตที่ถูกอัดแน่นด้วยความอยากได้จนเกินงาม โกรธเกลียดและลุ่มหลงจนเกินพอดี ความสุขที่ควรจะมี จึงล่องลอยออกไปจากชีวิตของเราโดยปริยาย

แต่เมื่อใดที่เราทำจิตใจให้ว่าง รู้จักวางใจต่ออารมณ์ที่มาบีบรัดให้เจ็บตัว แม้ในวันที่ต้องเจอกับปัญหาที่หนักๆ จิตใจที่รู้จักแบ่งให้พื้นที่ของความว่างเข้ามาพัก ย่อมช่วยประคองตัวเราให้ก้าวผ่านปัญหาไปได้ด้วยความสวัสดี

ที่สำคัญ เมื่อจิตได้ฝึกที่จะให้เกิดความว่างอยู่บ่อยๆ และรู้จักสังเกตอารมณ์ที่ผ่านเข้ามาว่ามันคืออะไร แล้วให้มันผ่านเลยไป โดยให้เหลือแต่พื้นที่ของความว่าง อันเป็นความโปร่งเบาทางความรู้สึก ย่อมทำให้เราสัมผัสความสบายที่ไร้พันธนาการได้ด้วยใจที่อิ่มเอม

เป็นความสบายเพราะไม่ถูกรึงรัดจากอารมณ์ เพราะใจมีพื้นที่ของความว่างที่มากพอต่อการรองรับทุกๆ อารมณ์ที่ผ่านเข้ามา ทุกสิ่งอย่างที่เราต้องเจอ จึงเป็นได้แค่เพียงแวะเข้ามาชะเง้อดูชั่วคราว แล้วก็ต้องจำใจจากลา เพราะเรามีเจ้าของที่เรียกว่าความว่างครอบครองอยู่ก่อน

ดังนั้น หากต้องการที่จะให้ชีวิตนี้มีความสุข เราก็ต้องรู้จักทำจิตใจให้มีพื้นที่ของความว่างจากอารมณ์ให้ได้ เพราะจิตที่ว่างเพราะการวางใจเป็น ย่อมมีความสุขคอยหล่อเลี้ยงและเคียงข้างเราเสมอ

และเมื่อใดที่ต้องการให้สิ่งต่างๆ ผ่านเข้ามาเพื่อทำการศึกษา จิตที่ถูกความว่างเฝ้าสอนภาวนา ย่อมรู้ว่าสิ่งใดควรค่าต่อการวิจัยเพื่อวินิจฉัยให้ปัญญาได้เติบโต

แล้วความสุขที่เฝ้ารอ ย่อมมีทางเลือกที่นำเราไปสู่ความเข้าใจที่แท้จริงตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น: