วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หมื่นตากับการเดินทางด้วยรองเท้าสีแดง

























เผยเคล็ดลับดี ๆ ในการเติมเต็มความรักให้คนรอบข้าง



‘ความรัก’ คืออะไร ‘ความรัก’ มีหน้าตาอย่างไร และ ทำไม ‘ความรัก’ ถึงทำให้เรามีความสุข ยิ้มได้เมื่ออยู่คนเดียว แต่ในบางครั้ง ‘ความรัก’ ก็มักแกล้งให้เราร้องไห้อยู่บ่อยๆ แล้วความรักในแบบฉบับของคุณเป็นแบบไหน

บางครั้งความเคยชิน ทำให้เราลืมที่จะแสดงความรักกับคนรัก หรือคนในครอบครัวไปชั่วขณะ ‘วาเลนไทน์’ นี้ ‘เดลินิวส์ออนไลน์’ จึงมีเคล็ดลับดีๆ ในการเติมเต็มความรักให้กับคนรอบข้างของคุณมาฝาก

ความรักแบบ ‘เพื่อน’

สำหรับคำว่า ‘เพื่อน’ นั้น หมายถึงคนที่จะอยู่ข้างคุณตลอดเวลาไม่ว่าเราจะสุข หรือทุกข์ และหากได้เลื่อนขั้นเป็นเพื่อนแท้แล้วล่ะก็ เขาจะปรี่ไปหาคุณทันทีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ และยิ่งในช่วงวันแห่งความรักนี้ คนที่ยังไม่มีคู่ ‘เพื่อน’ มักจะมาอยู่ข้างคุณ ทำให้คุณไม่เหงาในช่วงวันพิเศษแบบนี้ ส่วนการที่จะบอกรักเพื่อนสักครั้ง หลายคนอาจจะเขิน หรือคิดว่ามันไม่จำเป็น แต่เมื่อยามใดที่เรารู้สึกกำลังเผชิญกับปัญหาอยู่ แล้วได้ยินเพื่อนบอกว่า ‘ฉันจะอยู่ข้างแกนะ’ แม้จะเป็นคำที่ไม่สวยหรู แต่บางครั้ง คำพูดเหล่านั้นก็เป็นกำลังใจชั้นเยี่ยม ที่จะทำให้เราต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ได้ ถ้ายังไม่กล้าพูดว่ารักเพื่อน ลองส่งเป็นข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือดูสิ ไม่แน่ว่า เพื่อนของคุณอาจจะตอบข้อความเด็ดๆ กลับมาทำให้คุณยิ้มออกมาก็ได้

ความรักแบบ ‘หนุ่ม - สาว’

เป็นความรักที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งบางคู่อาจจะอยู่ไกลกัน หรือบางคู่อาจจะใกล้กันแค่เอื้อม แต่ไม่มีเวลาแม้แต่จะคุย ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู เผื่อจะช่วยให้คู่ของคุณคลิกกันลงตัวมากขึ้น วิธีแรก สำหรับสาวๆ ที่ต้องการจะบอกรักหนุ่มของคุณ ลองส่งข้อความแบบ Voice mail บอกความในใจ ไปหาสุดที่รักของคุณดู เผื่อเค้าจะเผลอยิ้มออกมาให้คุณเห็นบ้าง หรือถ้าอยู่ใกล้กันมาก ลองใช้วิธีเดิมๆ ส่งพัสดุ ที่ข้างในบรรจุสิ่งของที่เป็นความทรงจำระหว่างคุณทั้งสองลงไป เพื่อย้ำเตือนว่า ความทรงจำเกี่ยวกับความรักของคุณทั้งสอง ยังไม่ลบเลือน หรือจางลงเลย หรือถ้าเป็นสาวๆ ที่รักในการทำอาหารเป็นที่สุด ลองชวนคู่ของคุณมาช่วยกันทำอาหารดูสิ แต่ถ้าจะให้ดี ต้องเป็นเมนูที่ฝ่ายชายโปรดสุดๆ พร้อมทานอาหารภายใต้แสงเทียน ที่เคล้าคลอด้วยดนตรีบรรเลงเบาๆ สำหรับชายหนุ่ม ลองชวนคู่ของคุณไปดูหนังโรแมนติก กินข้าวในร้านอาหารที่บรรยากาศดี ๆ หรือพากันไปในที่ที่เป็นความทรงจำของคุณทั้งคู่ อย่าง สถานที่ที่เคยบอกรักครั้งแรก แล้วสมมุติเหตุการณ์ในวันนั้น ลองบอกรักกันอีกสักครั้ง รับลองโรแมนติกไม่แพ้ครั้งก่อนแน่ๆ หรือจะลองเขียนจดหมายบอกความในใจที่มีทั้งหมดลงไป แล้วนำไปแนบไว้ที่โต๊ะทำงาน ในกระเป๋าถือของแฟนคุณ หรือในที่ที่คิดว่าเขาจะเห็นได้ง่ายๆ และหยิบขึ้นมาอ่านอย่างสนใจ รับรองว่าเธอจะซาบซึ้งกับคำรักหวานๆ ของคุณแน่นอน อ้อ! ขอบอกความต้องการของสาวๆ ส่วนใหญ่สักหน่อย เมื่อถึงวันวาเลนไทน์ การรอคอยกุหลาบสีแดง ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก มักจะเป็นสิ่งที่พวกเธอต้องการอยู่ลึกๆ ข้างในหัวใจ จะมีเพียงดอกเดียว หรือว่าจะเป็นช่อใหญ่ขนาดไหนแค่ไหนไม่สำคัญ แค่คนที่ให้ใส่ความจริงใจลงไปเท่านั้น

ความรักแบบ ‘ครอบครัว’

ความรักแบบที่ว่านี้ หมายรวมถึง คู่หนุ่ม - สาวที่เพิ่งจะแต่งงาน และคู่ที่แต่งงานกันมานานจนมีพยานแห่งรักแล้ว ซึ่งการอยู่บ้านเดียวกัน เจอกันทุกวัน อาจจะทำให้อีกฝ่ายละเลยที่จะแสดงความรักออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความน้อยอกน้อยใจให้อีกฝ่ายได้ สำหรับคู่รักที่อยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ การแสดงความรักในแบบต่างๆ ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ แค่ลองสร้างตารางความรักของคุณทั้งสองขึ้นมา อย่างเช่น วันจันทร์มีนัดกันไปทานข้าวเย็น ในอังคารต้องพากันไปดูหนัง ฯลฯ ทั้งนี้และทั้งนั้น ต้องเป็นกิจกรรมที่คุณทั้งคู่เต็มใจทำร่วมกัน หรือคู่ไหนที่มีพยานรักแล้ว ลองฝากลูกไว้กับคุณปู่ คุณย่า แล้วหนีไปเที่ยวต่างจังหวัดกันสองคนดูบ้างก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา หรือน้ำตก และใช้เวลาที่อยู่กันสองคนให้คุ้มค่า นั่งย้อนความหวานตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ จนถึงวันที่ขอแต่งงานดู รอยยิ้มที่จะปรากฏบนหน้าของคุณทั้งสอง จะกว้างขึ้น กว้างขึ้น ไม่เชื่อลองดูสิ แต่หากว่ามีลูกเล็ก ไปไหนไกลไม่ได้ ลองหาซีดีหรืออัลบั้มรูปวันงานแต่งงานของคุณและเขา มาเปิดดูด้วยกันอีกครั้ง จะทำให้คุณได้ย้อนไปนึกถึงคืนวันที่มีความสุข และรักกันหวานซึ้ง สุดท้ายแล้ว ความรักต้องการการฝึกฝน ความหวังทั้งหลายไม่อาจเป็นจริงได้เพียงการกระทำอย่างเดียว จะต้องผ่านความพยายามและความมาดมั่นเสียก่อน ต้องอาศัยพฤติกรรมแห่งรัก ทำบ่อยๆ เมื่อผ่านความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า ความรักของคุณก็จะบานและหวานฉ่ำตลอดไป.

ดื่มชาดำหรือชาเขียวประจำห่างไกลอัมพาต



นักวิจัยโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ.ชื่อดังของสหรัฐฯ พบในการศึกษาว่า หากดื่มชาดำหรือเขียววันละ 3 ถ้วยเป็นประจำ จะช่วยปัดเป่าภัยของการเป็นอัมพาตให้ห่างไกลได้เป็นอันมาก

นักวิจัยรายงานผลการศึกษาในวารสารวิชาการของ "แพทย์ สมาคมโรคหัวใจอเมริกัน " ฉบับออนไลน์ แจ้งว่า ได้ทำการศึกษาจากการทบทวนรายงานการศึกษาด้วยการสังเกตการณ์ ถึงความเกี่ยวพันของการเป็นอัมพาตกับการดื่มชา รวม 9 เรื่อง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับบุคคลต่างๆ รวมกัน 195,000 ราย

ศาสตราจารย์เลนอร์ อารับ อาจารย์วิชาอายุรศาสตร์ หัวหน้านักวิจัย รายงานว่า "สิ่งที่เราเห็นก็คือผลอันสม่ำเสมอ ในการดื่มชาวันละ 3 ถ้วยทุกวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นอัมพาตลงได้ถึงร้อยละ 21 ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวหรือชาดำ"

เขาได้บอกไว้ว่า "หนทางที่จะลดความเสี่ยงของการเป็นอัมพาตที่รู้กันมีอยู่น้อยมาก ทั้งในการรักษาด้วยการให้ยากับผู้ป่วย ยังจะต้องทำโดยไว เนื่องจากความเสียหายเกิดขึ้นเร็วมาก จึงทำให้การค้นพบนี้ดูน่าตื่นเต้น เพราะถ้าเราพบหนทางป้องกัน หรือป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ มันก็ง่ายขึ้น ก็จะนับได้ว่าเป็นความก้าวหน้าอันใหญ่หลวง"

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แบบทดสอบความรักของคุณจากแอปเปิ้ล



ลองมานั่งจินตนาการ ตามสถานการณ์ ต่อไปนี้ แล้วคำตอบที่ได้จะบอกอะไรๆ ได้หลายๆ อย่าง เกี่ยวกับความรักและเนื้อคู่ทีเดียวล่ะ อ๊ะๆ แต่อย่าแอบดูเฉลยก่อนล่ะ ม่ายงั้นก้อม่ายตรงอ่ะจิ

1.คุณตื่นขึ้นมาเห็นแอปเปิ้ลวางอยุ่บนโต๊ะ คุณจะคิดว่า แอปเปิ้ล มาจากไหน

a. ตลาดสด

b. supermarket ในห้าง

c. รถขายผลไม้ที่วิ่งขายตามหมู่บ้าน

2. การกินแอปเปิ้ลของคุณตรงกับข้อใดมากที่สุด

a. กินโดยไม่ปอกเปลือก

b. กินโดยใช้ปากกัดแทนการใช้มีดหั่นเป็นชิ้น ๆ

c. กินคำใหญ่ ๆ อย่างเอร็ดอร่อย

3. แอปเปิ้ลให้ผลที่โตเพราะอะไร

a. คุณร้องเพลงให้มันฟังทุกวัน

b. คุณพูดคุยกับมันทุกวัน

c. คุณจูบผลมันทุกวัน

4. ถ้าแอปเปิ้ลพูดได้ เมื่อมันเจอหนอนมานจะพูดอะไรกับหนอน

a. เฮ้! เราเปนเพื่อนกันดีกว่ามั้ย

b. ขอร้องล่ะ เลิกกัดแทะฉันซะที

c. ได้มั้ย อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวเธอทำร้าย

5. แอปเปิ้ลผลนี้เป็นผลที่อร่อยที่สุดในโลก คำแรกที่คุณเคี้ยวคุณจะพูดว่าอะไร

a. โอ้ว! มันอร่อยที่สุดอย่างที่เค้าพูดกันจริง ๆ

b. โอ้ว! มหัศจรรย์จริง ๆ เธอจะลองชิมดูบ้างมั้ย !

c. โอ้ว! มันอร่อยจนฉันคิดว่าจะต้องกินมันทุกวันเลยล่ะ

เฉลย ข้อ 1.

a = คุณมีโอกาสพบเนื้อคู่ที่แต่งงานด้วย ในสถาบันศึกษา หรือ ในสถานที่ทำงาน

b = คุณมีโอกาสพบเนื้อคู่ที่แต่งงานด้วย ตามสถานที่งานเลี้ยงต่าง ๆ

c = คุณมีโอกาสพบเนื้อคู่ที่แต่งงานด้วย จากการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ

เฉลย ข้อ 2

a = ถ้าคุณมีแฟนครั้งแรก คุณจะไม่มองการแต่งตัวของเขาเท่าไหร่ เขาอาจจะแต่งตัวมอมแมม แต่ก้อยังดูดี ในสายตาคุณ

b = ถ้าคุณมีแฟนครั้งแรก คุณจะทำหั้ยมันเป็นเรื่องสนุกสนาน ท้าทาย และการเรียนรู้ คุณจะไม่ตกในวังวน ของมันเท่าไหร่

c = ถ้าคุณมีแฟนครั้งแรก หากว่าคุณจะตกอยู่ในอาการรักแบบไม่ลืมหูลืมตา มันจะเป็นแค่ระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นคุณก้อจะหลุดจากอาการน่าเป็นห่วง

เฉลย ข้อ 3

a = ความรักของคุณยังต้องการความสนุกสนานทุกวันหยุด คุณไม่อยากอยุ่กับบ้าน แต่คุณอยากออกไปเที่ยวกับเขา

b = ความรักของคุณคือการได้สื่อสารต่อกัน แม้ไม่ได้เจอกัน ก้อขอโทรคุยกับเขาไม่ขาดการติดต่อ ทุกวัน

c = ความรักของคุณยังคงเป็นความรักแบบฉาบฉวย คุณนึกแต่จะสมหวังเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้เตรียม รับมือกับความทุกข์ที่ตามมาด้วย

เฉลย ข้อ 4

a = เมื่อคุณตัดสินใจเลิกกับแฟน คุณยังมีความรู้สึกดี ๆ เหลืออยู่ และพร้อมจะเป็นเพื่อนกับเขา

b = เมื่อคุณตัดสินใจเลิกกับแฟน คุณกลัวว่าเขาจะตามรบกวนคุณไม่ยอมเลิก โดยเฉพาะกลัวเขาจะหาเรื่อง แฟนใหม่ของคุณ

c = เมื่อคุณตัดสินใจเลิกกับแฟน คุณจะเต็มไปด้วยความสับสน โศกเศร้าและหวาดกลัว แต่คุณก้อจะต้อง เข้มแข็ง เพื่อผ่านมันให้ได้นะ

เฉลย ข้อ 5

a = คุณยังมีเพื่อนเป็นอิทธิพลต่อความรักของคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่คุณจะเชื่อเพื่อนด้วย

b = เมื่อคุณมีคนรัก คุณมักจะแสดงออกให้คนอื่นรับรู้ด้วยว่าคุณมีความสุข แต่เมื่อคุณทุกข์ คุณก้อจะเก็บมันไว้ไม่ให้ใครรู้
c = ถ้าคุณมีคนรัก หรือยอมรับใครก้อตามเป็นคนรัก แล้วคุณจะรุ้สึกดีมาก ๆ ที่ได้รัก และจะใส่ใจ ดูแลแต่เขา

10 สิ่งที่ทำให้คนรักคุณ



10 Things to make people Love You (first)

โลกหมุนได้ด้วยความรัก และพินาศย่อยยับก็ด้วยความชัง...ความรักจะช่วยปะชุนและถักทอส่วนที่ขาดแหว่งให้เต็มครบ ขณะที่ความชังจะคอยยื้อผลาญ ยื้อกระชาก สิ่งที่มีให้ยิ่งขาดออกจากกัน ทั้งโลกหรือชีวิต จึงต้องการความรักเป็นสิ่งเชื่อมประสาน

ชีวิตใครคนใดคนหนึ่ง ::

ความรักจะทำให้เขาอิ่มเต็มในตัวเอง มีความนับถือตนเอง ภาคภูมิใจในตนเอง และความรัก (ตัวเอง) จะชักนำให้เขาทำแต่สิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ต่อชีวิต ไม่นำชีวิตให้เขวไปในทางเสียหาย

ชีวิตคู่ ::

ความรักจะทำให้เรารู้จัก "หนักนิดเบาหน่อย" รู้จักแบ่ง รู้จักให้ รู้จักอดใจที่ต้องเผชิญกับสิ่งไม่อยาก

ชีวิตครอบครัว ::

ความรักจะทำให้เยื่อใยของความเป็นพ่อ แม่ ลูกหรือความเป็นพี่เป็นน้องเหนียวแน่น เป็นแกนให้คนซึ่งแตกต่างกันได้ยึดเกาะ และรู้สึกว่าเรามีอะไรบางอย่างร่วมกันอยู่ หรือที่คนทั่วๆ ไปสัมผัสได้ผ่านคำว่า "สายเลือดเดียวกัน"

คนร่วมสังคม ::

ความรักจะทำให้เรารู้จักเห็นอกเห็นใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา และเกิดการร่วมทุกข์ร่วมสุข คำนึงถึงคนส่วนใหญ่และความถูกต้องเป็นสำคัญ ความถูกใจส่วนตัวเอาไว้ทีหลัง จึงเกิดการประนีประนอมและยอมรับในความแตกต่างหลากหลาย ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นปกติสุข

ไม่มีความราบรื่นใดเทียบได้เท่ากับ "การเป็นที่รัก" ของคนอื่นๆ มี 10 สิ่งที่คนอื่นๆ จะรักคุณได้ง่ายขึ้น หากคุณมีและทำในสิ่งเหล่านี้ นั่นคือ

1. รอยยิ้มจากใจของคุณ

เหมือนต้นไม้มีดอกประดับต้น ทั้งคนทั้งผึ้งต่างก็อยากจะอยู่ใกล้ๆ รอยยิ้มจึงเป็นความสดใส สวยงาม ที่ต้องมีไว้ดุจเครื่องประดับและเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจคน ตลอดจนเป็นเครื่องหมายของความผ่อนคลาย ทำให้คนอื่นสบายใจที่จะได้อยู่ใกล้ๆ โดยที่รอยยิ้มนั้น ต้องผลิดอกออกผลมาจากความสดใสและความจริงใจไม่ใช่แสร้งยิ้ม เพราะคนที่เห็นรอยยิ้มย่อมทราบดีว่าเป็นยิ้มที่มาจากความรู้สึก ยิ้มตามมารยาท หรือฝืนยิ้ม

2. วาจาที่เปี่ยมความสัตย์ของคุณ

ความเป็นคนพูดจริง พูดดี พูดแล้วเชื่อถือได้ พูดไม่ไร้สาระ พูดอย่างไม่เชือดเฉือน เหน็บแนม เป็นอีกสิ่งที่ทำให้คนที่อยู่ด้วยสบายใจ เชื่อใจ ผ่อนคลาย และเปิดเผย ยิ่งอยู่ด้วยนานเท่าไร ก็จะยิ่งเทใจให้มากเท่านั้น

3. สีหน้าที่ไม่ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังของคุณ

มีคำกล่าวว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" เพื่อเตือนให้คนพินิจพิจารณาการคบหากับผู้อื่นให้ถ้วนถี่ บางคนหน้าตาดีแต่ใจทราม หน้ากับใจอาจไม่สัมพันธ์กันในแง่ความงาม แต่ในแง่ของความรู้สึก มันสัมพันธ์กันเสมอ เพราะกล้ามเนื้อบนใบหน้าทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ เป็นไปตามภาวะอารมณ์หรือความรู้สึกจริงๆ ในใจคน ยกเว้นพวกเซียนแห่งการเสแสร้งเท่านั้นที่จะสามารถ "สวมหน้ากาก" คือปรับเปลี่ยนสีหน้าเพื่อซ่อนอารมณ์จริงๆ ไว้ข้างหลัง ซึ่งแน่นอน คนเช่นนี้ไม่มีใครรัก และไม่มีใครอยากคบ จึงต้องฝึกตนไม่เป็นคนชักสีหน้า มีความจริงใจ ผ่าเผย เปิดใจ ไม่หน้าอย่างใจอย่าง

4. ภาษากายที่สะท้อนความในใจของคุณ

บางคนพูดดี สีหน้าปลอดโปร่ง ยิ้มหวาน แต่ซ่อนอาการไว้ที่การ กอดอก ระยะห่างของการยืนคุย มือที่กำเกร็ง ตาที่บอกความเบื่อหน่ายออกมา ฯลฯ พึงระลึกไว้ว่า มือไม้แขนขา สีหน้า ท่าที ล้วนมีความหมายที่ทำให้คนอื่นสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตร ความเป็นคนง่ายๆ ความเป็นคนระวังระไว หรือพวกไว้ตัว

5. อารมณ์อันคงที่ของคุณ

ไม่มีใครรักหรืออยากอยู่ใกล้คนที่อารมณ์แกว่งไกวจนคาดเดาไม่ได้ว่าจะระเบิดปึงปังเมื่อไร หรืออารมณ์ดีตอนไหน วินาทีที่อารมณ์ดีๆ อย่างนี้จะคงที่ไปจนถึงเมื่อไร ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยที่ต้องอยู่กับคนประเภทนี้ หากจำเป็นจะต้องอยู่ด้วย ก็มักจะอยู่ด้วยความกังวล เกร็ง กลัว และขาดความสุข

ฉะนั้น โปรดประคองอารมณ์ของตัวเองให้คงที่ คงเส้นคงวาแน่นอนค่ะ คนเรามีเวลาเดือดดาลหรืออารมณ์เสีย แต่ไม่ใช่เสียทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง และทุกๆ ครั้งคาดเดาไม่ได้ว่าเหตุเกิดจากอะไร หมั่นประคองสติเอาไว้ คอยเตือนตนตั้งแต่อารมณ์เริ่มก่อตัว รู้ทันอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ และคลี่คลายอารมณ์นั้นให้ได้ในที่สุด อย่าเอาอารมณ์เสียๆ ไปกระทบกระแทกคนอื่น แม้ว่าเรื่องที่ทำให้อารมณ์เสียจะเกิดจากคนอื่นก็ตาม หากจะไต่สวนเพื่อพิจารณาความผิดอันเกิดจากการกระทำที่ชวนให้อารมณ์เสีย ก็ให้ไต่สวนโดยไม่มีอารมณ์ (เสียๆ) เข้าไปข้องเกี่ยว อย่างนี้จะทั้งน่ารักและน่านับถือเลยทีเดียว

6. ความรู้ความสามารถของคุณ

คนมีความรู้ความสามารถย่อมเป็นที่พึ่งของคนที่รู้น้อยกว่า หรือหย่อนความสามารถกว่า ซึ่งแปลว่ามีแค่ความรู้ความสามารถไม่พอแต่ต้องมีความเห็นอกเห็นใจ คอยเอาใจใส่ และให้การช่วยเหลือคนอื่นด้วย

7. น้ำใจไมตรีของคุณ

คนเราอยู่ด้วยกัน ต้องมีน้ำจิตน้ำใจต่อกันบ้าง ไม่มีใครรักคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ น้ำใจไม่ได้แปลว่าต้องมีวัตถุสิ่งของมาแบ่งปันให้ แต่ยังหมายถึงการช่วยเหลือกันในยามฉุกละหุก การห่วงใยเอาใจใส่ คำพูดที่ดี ที่เป็นกำลังใจ หรือแม้แต่ข้อความสั้นๆ ช่วยจำหรือเติมพลังใจให้ เท่านี้ก็ชื่นใจนักหนาแล้ว

8. ความดีงามในตัวคุณ

รู้จักตนเอง รู้จักผู้อื่น รู้จักแบ่งปัน และเคารพในกันและกัน คือความดีงามขั้นพื้นฐานที่จะนำไปสู่ความดีงามในการอยู่ร่วมกันอีกเป็นร้อยเป็นพันข้อ คนที่มีความดีงามในตนเองย่อมดึงดูดคนดีๆ มาอยู่ด้วย เป็นที่รักและเคารพของคนรอบตัว

9. จิตสาธารณะของคุณ

ไม่ใช่แค่ดีลำพังตน แต่ต้องปรารถนาให้ผู้คนและสังคมได้รับสิ่งดีๆ เพิ่มขึ้นด้วย จึงต้องพร้อมที่จะอุทิศตัวหรือมีส่วนสร้างสังคมที่แข็งแรง ตามกำลังที่ตนจะสนับสนุนได้ ไม่ว่าจะเป็นกำลังทรัพย์ แรง ความรู้คำแนะนำ การมีส่วนร่วม หรือความเอาใจใส่ที่จะแบ่งปันหรือทุ่มเทให้ คนที่มีจิตใจเช่นนี้ ย่อมเป็นที่รักและที่สรรเสริญของทุกๆ คน

10. ความยุติธรรมของคุณ

เราต่างเป็นปุถุชนที่อาจเลือกที่รักมักที่ชังได้ แต่ใครก็ตามที่เอาชนะอารมณ์พื้นฐานข้อนี้ได้ด้วยการให้ความเป็นธรรมแก่ทุกๆ คน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนใกล้ชิด เป็นคนที่ชอบพอหรือไม่ ย่อมได้รับคำชื่นชมและมีคนเคารพรักเป็นอย่างมาก หลายคนเป็นคนดี มีอัธยาศัยไมตรีน่ารัก มีจิตสาธารณะ ทว่าเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่ต้องให้ความเป็นธรรมกลับให้ไม่ได้ มีความโน้มเอียงไปข้างใดอย่างไม่สมเหตุสมผล ความรักความนับถือที่เคยได้รับก็หายหมด คุณคงไม่อยากจะเป็นเช่นนั้นใช่ไหมคะ

ความรัก ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ใครรอรับฝ่ายเดียว หากในชีวิตของคุณได้พบใครก็ตามที่มีคุณสมบัติดีๆ ทั้งหลายที่กล่าวไว้นี้ คุณก็ต้อง "ให้ความรักเป็น" หมายถึงคุณยอมรับความดีงามของคนอื่นได้ ยินดีชื่นชม และให้ความเคารพอย่างที่เขาควรได้ นี่คือ "ที่สุดของความน่ารัก" คือการรู้จัก "รักคนอื่นด้วย"

อันตรายของชุดชั้นใน แบบโครงลวด



อันตรายของชุดชั้นในแบบโครงลวด (first)

สำหรับสาวเฟิสต์ที่พิสมัยการมีหน้าอกที่เต่งตึงได้รูป และไม่หย่อนคล้อย หลายคนหันหน้าเข้าหาชุดชั้นในแบบที่มีโครงลวด เพื่อปรับทรงหน้าอกให้สวยงามตามต้องการ เราขอเตือนว่า อันตรายจากชุดชั้นในชนิดนี้มิได้มีเพียงแค่อาการเจ็บจากการถูกกดรัดเท่านั้นยังมีอันตรายในแบบอื่นๆ ที่มีผลต่อสุขภาพของคุณโดยตรงอีกด้วย

ดังนั้น...มาดูกันซิว่า เพื่อให้หน้าอกของคุณสวย คุณต้องแลกกับอะไรกันบ้าง

1. ด้วยการบีบรัดของชุดชั้นในชนิดนี้ ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณมีปัญหา เมื่อทานอาหารเข้าไป การบีบรัดที่มีผลทำให้หลอดอาหารตีบก็จะทำให้คุณกลืนอาหารลำบาก และอาหารก็ไม่สามารถย่อยได้ง่ายตามที่มันควรจะเป็น

2. ด้วยการบีบรัดของชุดชั้นในชนิดนี้ ทำให้ร่างกายทำการปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา ซึ่งส่งผลให้คุณสูญเสียพลังงานอย่างรวดเร็ว จะเหนื่อยง่ายและรู้สึกไม่มีแรง

3. ด้วยการบีบรัดของชุดชั้นในชนิดนี้ ทำให้โครงลวดนั้นขัดขวางการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับสารพิษในเต้านม

4. ด้วยการบีบรัดของชุดชั้นในชนิดนี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของซี่โครงและกระบังลมมีปัญหาส่งผลทำให้คุณหายใจหอบอยู่บ่อยครั้ง และสมรรถภาพของหัวใจกับปอดจะเสื่อมลงอย่างช้าๆ

5. ด้วยการบีบรัดของชุดชั้นในชนิดนี้ทำให้เกิดการขัดขวางการไหลเวียนของเลือดลมภายในร่างกายส่วนบนและส่วนล่าง มีผลให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายมีปัญหา

เรียนรู้ที่"รัก"



ความรักเป็นเพียงสายใยบาง ๆ ที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากความรู้สึกต่าง ๆ ทั้งความอาทร ห่วงใย ห่วงหา คิดถึง ความอดทนจะทำให้อุปสรรคต่าง ๆ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ความพยายามจะทำให้เราสองคนยังคงอยู่ ความไว้ใจจะทำให้ความรักของเราแข็งแกร่ง ความซื่อสัตย์จะทำให้ความรักของเรามั่นคง ความเสมอต้นเสมอปลายจะทำให้ความรักของเราสวยงาม และสุดท้ายความรักก็จะก่อตัวขึ้นเป็นความผูกพันเมื่อได้เจอความรักที่ดีแล้ว จงทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว อย่าปล่อยให้เขาเดียวดาย คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เราเคยมีกัน อย่าลืมวันแรก ๆ ที่เรารู้สึกกับคน ๆ นี้ เขาเป็นคนดีที่สุดแล้วสำหรับเรา พยายามรักษาเขาไว้ เพราะเมื่อเขาหลุดลอยไปแล้ว เราจะไม่สามารถเรียกความรู้สึกต่าง ๆ กลับมาได้อีกเหมือนเวลาที่ไม่สามารถย้อนเดินกลับทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะอดีตแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วอย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืนอย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้ อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวานทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป.. วันหนึ่งถ้าชีวิตหวนคืนมาสู่ทางสายเก่า.. ที่เคยทำให้คุณมีความสุขระหว่างเดินทางในแต่ละก้าว...จงอย่าเดินเลี่ยงมันไปอีก เพราะน้อยนักที่...ถนนสายเดิมยังคงสภาพเดิมเพื่อรอให้คุณเดินย้อนกลับมา..ลองเดินต่อไปสิ..บางทีคุณอาจจะเจอจุดหมายที่คุณค้นหามาตลอดชีวิตในเส้นทางที่คุณเคยเดินเลี่ยงมันไปก็ได้...

คนแบบไหน ที่ต้องการวิตามินซี



คนแบบไหน ที่ต้องการวิตามินซี

ทราบหรือไม่ว่า คนแบบไหนที่ต้องเพิ่มวิตามินซีให้ตัวเองด่วน! วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีมาฝาก.. วิตามินซี เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายอีกชนิดหนึ่ง ที่ช่วยปกป้องเซลล์และสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง แถมยังช่วยเยียวยาร่างกายจากการบาดเจ็บ ช่วยให้ร่างกายต่อต้านการอักเสบ และ ป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย

โดยทั่วไปแล้ววิตามินซีพบได้ในอาหารจำพวกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ส้มสุกลูกไม้ต่างๆ ยิ่งในยุคสมัยใหม่อย่างนี้ก็มีผู้ผลิตนำมาอัดเม็ด เป็นอาหารเสริมจำหน่ายกันมากมายในปริมาณต่างๆ กันไป

นอกจากที่ว่าคนทั่วไปต้องการวิตามินซีแล้ว คนบางกลุ่มที่สุขภาพไม่ค่อยดี หรือมีความจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมวิตามินซีเพิ่มขึ้นมากกว่าคนทั่วไปก็มีเช่นกัน

กลุ่มคนที่สูบบุหรี่

กลุ่มคนที่เตรียมตัวผ่าตัด หรือเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัด

ผู้ป่วยที่มีไตเทียม

คนที่อยู่ในสถานที่อากาศเย็นเป็นเวลานาน

ใครที่อยู่ในข่ายเหล่านี้ ก็อย่าลืมหาอาหารที่มีวิตามินซี เป็นส่วนประกอบมาทานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดี

มาทำลูกชุบ กินกันดีกว่า



มาทำลูกชุบ กินกันดีกว่า

ทิ้งทวนเดือนแห่งความรัก ด้วยขนมไทยหวานๆ อย่าง "ลูกชุบ" ขนมที่มีรูปร่างและสีสันที่หลากหลาย แปลกตา แต่จะเป็นรูปร่างใด ต้องตามใจผู้ปั้น ซึ่งจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรนั้น "จานโปรด" มีวิธิการทำมาฝาก

ส่วนผสม

1. ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1/2 กก.

2. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง

3. น้ำตาลทราย 1/2 กก.

4. วุ้นผง 5 ช้อนโต๊ะ

5. น้ำ 5 ถ้วยตวง

วัสดุที่ต้องใช้

1. กระทะทองเหลือง

2. ไม้พาย

3. ไม้เสียบลูกชิ้น หรือไม้จิ้มฟัน

4. สีผสมอาหาร

5. จานสี

6. พู่กัน

ลงมือเข้าครัว

1. เริ่มจากการล้างถั่วที่เลือกเอาเมล็ดเสียออกแล้วด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง เทน้ำทิ้ง แช่ด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งประมาณ 3-4 ชั่วโมง เทน้ำทิ้งแล้วล้างอีกครั้ง

2. นำถั่วที่ล้างสะอาดแล้วไปนึ่งให้สุก จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด

3. นำน้ำตาลและกะทิมาต้มด้วยไฟอ่อนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ในขั้นตอนนี้ควรคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กะทิเป็นลูก

4. นำถั่วที่บดจนละเอียดแล้วใส่ลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟปานกลาง ค่อยๆทยอยใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวได้ที่แล้วลงไปทีละน้อย เทไปกวนไปจนหมด ที่สำคัญต้องกวนไปในทางเดียวกัน จนถั่วเริ่มแห้ง ให้หรี่ไฟลง รอจนถั่วเริ่มแห้งและร่อนออกจากกระทะ จึงนำออกมานวดจนเนียน

5. ขั้นตอนต่อไปก็ขึ้นอยู่กับฝีมือการปั้นของแต่ละคน เมื่อปั้นได้รูปแล้ว ก็นำมาเสียบกับไม้จิ้มฟัน หรือไม้เสียบลูกชิ้น ระบายสีตามชอบ

6. ระบายสีเสร็จแล้ว ก็นำไม้ไปเสียบไว้ที่โฟม รอจนสีแห้ง

7. หันมาทำน้ำวุ้นกันบ้าง เริ่มจากนำวุ้นผงและน้ำใส่หม้อคนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง หมั่นคนจนวุ้นใส ยกลงทิ้งไว้สักครู่จะมีฟองลอยขึ้นมา ให้ใช้ช้อนตักฟองทิ้ง

8. นำถั่วที่ลงสีแล้วชุบกับวุ้น 1 ครั้ง ปักบนโฟม รอให้แห้ง แล้วจึงชุบครั้งที่ 2 และ 3 เมื่อวุ้นแข็งตัวดีแล้วจึงถอดออกจากไม้จิ้ม ใช้กรรไกรตัดส่วนที่ไม่ต้องการทิ้ง แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

แม้จะดูว่ามีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก แต่หากช่วยกันทำหลายๆ คนแล้ว คงเป็นกิจกรรมที่ดีสำหรับครอบครัวแน่นอน...

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

9 กลยุทธ์สร้าง ความรัก ฉบับกระเป๋า



9 กลยุทธ์สร้าง "ความรัก" ฉบับกระเป๋า

เอ่ยชื่อ "ความรัก" ใครๆ ก็มักถามหาและอยากมีรักกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรักเพื่อน รักพ่อ-แม่ รักครูบาอาจารย์ ฯลฯ แต่ที่เราให้น้ำหนักกับความรักมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นความรักระหว่างชาย-หญิง! (กรณีรักเพศเดียวกันก็น่าจะอยู่ในคำจำกัดความนี้

ถึงขนาดมีการกำหนด "วาเลนไทน์" วันแห่งความรักกันขึ้นมาและในตอนนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก แต่ความรักจะหวานซึ้งเหมือนน้ำต้มผัก (ยังว่าหวาน) ไปจนถึงแก่เฒ่าหรือเปล่านั้นไม่มีใครรู้ล่วงหน้า แต่ถ้าหากมีกลยุทธ์ แบบรักร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แทนการรบแบบซุนวูแล้วล่ะก็ ความรักที่หวานชื่นคงจะอยู่กับเราไปถึง "ถือไม้เท้ายอดทอง" อย่างไม่ต้องสงสัย

กลยุทธ์สร้าง "ความรัก" ฉบับกระเป๋า ยุทธวิธีสร้างความรัก ที่ Hospital & Healthcare นำมาฝากในฉบับนี้ น่าจะช่วยสร้างความรักแบบยั่งยืนให้กับคู่รักในบรรยากาศของเทศกาลแห่งความรักที่ยังคงอบอวลอยู่ในขณะนี้

1. จงใช้ทั้งสมองและความรู้สึกในความรัก พูดง่ายๆ ก็คือความรักจะต้องใช้ทั้ง IQ และ EQ ผสมผสานกันไปไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ถ้าเราใช้สมองในความรักมากเกินไป อาจทำให้ชีวิตรักเต็มไปด้วยสาระ (ล้วนๆ) ทำอะไรก็มีแผนการ มีเหตุผล มีคำอธิบายร้อยแปด ชีวิตรักแบบนี้ มักขาดความอ่อนหวานและพานจะทำให้มีปากเสียงกันได้ แต่ถ้าหากใช้อารมณ์ความรู้สึกมากเกินไปก็อาจทำให้ขาดเหตุผล ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝัน มันช่างอ่อนหวาน อบอุ่น แต่อย่าลืมว่า เมื่อคลื่นอารมณ์จูนไม่ตรงกัน อาจทำให้กลายเป็นคนไม่มีสมอง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ง่ายๆ

2. ซื่อสัตย์และเปิดเผยกับคนรัก ความรักควรเกิดขึ้นบนพื้นฐานความเข้าใจและไม่ระแวงซึ่งกันและกัน เมื่อรักกันแล้วควรซื่อสัตย์ต่อกัน จริงใจ ไม่โกหก หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มโกหก ก็เหมือนกับกำลังรื้อฐานของความรักให้เกิดความง่อนแง่น จนในที่สุดจะทำลายมิตรภาพและความรักที่มีอยู่ให้พังครืนลงมาได้ นอกจากนี้ ยังควรเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วยการคิดอยู่เสมอว่า เราอยากให้เขาปฏิบัติต่อเราอย่างไร ก็ควรปฏิบัติต่อเขาอย่างนั้นเช่นกัน

3. คิดว่า "ความรัก" ไม่มีวันเพอร์เฟค อย่าคิดว่าเมื่อเรารักใครสักคน เขาจะเป็นเหมือนอย่างที่เราคิด และเพอร์เฟคไปทุกอย่าง เตรียมใจเอาไว้บ้างว่าเขาอาจจะมี "ข้อเสีย" ซึ่งบางทีอาจจะเป็นข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ จงเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการคิดแง่บวก "เขาทำอย่างนี้ก็น่ารักเหมือนกันนะ" เราไม่ควรคาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นตลอดไป แม้คนที่กำลังรักกันแทบจะกลืนกินก็ยังมีข้อขัดแย้งหรือไม่ลงรอยได้ "ลิ้นกับฟันความเห็นขัดแย้งกันบ้างถือว่าเป็นสีสันในชีวิต" อย่าท้อแท้เมื่อเกิดความเข้าใจผิดหรือขัดใจกันต้องปรับตัวเข้าหากัน

4. รักคือการเรียนรู้ เมื่อคนสองคนรักกันก็ควรเปิดใจต่อกันและพร้อมที่จะเรียนรู้กันและกันไม่ใช่พอเกิดปัญหาต่างคนต่างหันหลังให้กัน กลายเป็นขมิ้นกับปูน หรือขิงก็ราข่าก็แรง ไม่ได้เป็นอันขาด ต้องหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยอธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นรอยร้าวเล็กๆ จะเริ่มปริจนอาจร้าวลึกและแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ ในที่สุด

5. รักคือความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นรักใหม่ที่หม้อข้าวยังไม่ดำ หรือรักเก่าที่อยู่กันมานาน คู่รักจะต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน นอกจากเข้าใจชีวิต เข้าใจอารมณ์แล้ว ยังต้องเข้าใจความรู้สึกนึกคิด โดยเฉพาะเราไม่ควรนำเอาความสำเร็จของคนอื่นมาพูดเปรียบเทียบกับคนที่เรารักว่าดีกว่า "ทำไมไม่เป็นอย่างนั้น" "ทำไมไม่ได้อย่างเขาบ้าง" เพราะจะทำให้เขากดดันและรู้สึกด้อยค่าจงเข้าใจความสามารถของคนรักและให้กำลังใจต่อกัน อย่าพูดตัดพ้อหรือต่อว่าโดยไม่คิด

6. หาจุดบกพร่องของตัวเอง วิธีที่ง่ายที่สุดคือการถามเพื่อนที่สนิทว่า คุณมีจุดเด่นที่น่าประทับใจ หรือจุดอ่อนตรงไหนบ้าง จะได้นำไปพัฒนา ปรับปรุงตัวเอง ไม่ควร เอาจุดบกพร่องของอีกฝ่ายมาปิดกั้นการปรับปรุงแก้ไข จุดบกพร่องของตนเอง เพราะการที่คุณปรับตัว คู่ของคุณก็จะมองกลับมาหาจุดบกพร่องของตัวเองเช่นกันเรียกว่า win-win ทั้งสองฝ่าย

7. อย่าแสดงความไม่พอใจอีกฝ่ายต่อหน้าบุคคลอื่น เก็บอารมณ์กันนิดเซฟอารมณ์กันหน่อย โดยเฉพาะเมื่อคุณอยู่ต่อหน้าคนอื่น คุณไม่ควรแสดงอารมณ์ที่จะทำให้อีกฝ่าย "เสียหน้า" หรือเกิดความอับอาย เพราะผลที่ตามมาก็คือการมีปากมีเสียงกันในภายหลัง เก็บความรู้สึกไม่พอใจเวลานั้นไปเคลียร์กันที่บ้านดีกว่า จับเข่าคุยกันด้วยเหตุผล ไม่ควรใช้อารมณ์เป็นอันขาด

8. ดูแลกันและกัน อย่าลืมดูแลสุขภาพของคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การออกกำลังกาย การใช้ชีวิต ฯลฯ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะปวดหัวตัวร้อน ไปจนถึงการตรวจสุขภาพประจำปี แต่ไม่ใช่จุกจิกจู้จี้จนคู่รักรำคาญล่ะ

9. ให้เวลากับความรัก อย่ามัวทำงานจนลืมความรัก และคนที่รักเป็นอันขาดเพราะจะนำไปสู่ปัญหาชีวิตคู่ หาเวลาอยู่ด้วยกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน อาจไปดูหนัง ช็อปปิ้ง หรือทำกิจกรรมที่ทั้งสองคนร่วมกัน นอกจากนี้ ยังต้องหาเวลาพิเศษในการเติมความรักให้แก่กัน เช่น ไปรำลึกความหลังในสถานที่ที่ทั้งคู่ประทับใจ ออกไปท่องเที่ยวในบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ต่างจังหวัด ใช้ช่วงเวลานั้นเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ ที่ทำให้ทั้งคู่มีวันนี้

การมีความรักไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำให้ความรักมั่นคงและยั่งยืนต่างหากล่ะที่ไม่ง่าย กลยุทธ์ทั้ง 9 ข้อนี้ ถ้าหากทำได้ จะทำให้คุณมีความรักที่ยืนยาว...และอย่าลืมที่จะแสดงความรักต่อคนที่เรารัก เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร อย่าให้ทุกอย่างสายเกินไป เพราะวันนั้นคุณอาจเป็นคนที่เสียใจที่สุด

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วิธีขับรถประหยัดน้ำมัน



วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์ขอเอาใจคนขับรถด้วยการแนะวิธีขับรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมันมาบอก..

1. สิ่งแรกที่จะต้องคำนวณ คือ ระยะทาง เส้นทางการเดินทางว่าจะต้องไปตาม ถนนเส้นใดในแต่ละช่วงเวลา ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีระยะทางสั้น แต่การจราจรติดขัด

2. เมื่อรู้เส้นทางแล้ว อันดับต่อมา คือ การขับขี่ ควรรักษาความเร็วรอบให้สม่ำเสมอ ที่ประมาณ 80-100 กม. / ชม.

3. คำนวณปริมาณน้ำมันและเติมให้อยู่ในอัตราที่เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องเติมเต็มถัง ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ

4. ต้องรู้จักว่ารถยนต์ที่ใช้งานอยู่นั้น เหมาะกับน้ำมันประเภทไหน สามารถใช้ค่าออกเทนเท่าไหร่ และไม่จำเป็นต้องเลือกใช้ค่าออกเทนที่สูงเกินกว่าความต้องการ

5. ลมยางเติมให้อยู่ในปริมาตรที่กำหนดไม่ให้ยางอ่อน หรือแข็งเกินไป และในการเติมน้ำมันนั้น ควรเติมในเวลาเช้าหรือช่วงที่อากาศเย็น จะทำให้ได้น้ำมันมากขึ้นกว่าเติมในช่วงที่อากาศร้อน เพราะตอนอากาศเย็นความหนาแน่นของน้ำมันจะมาก

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากให้สิ้นเปลื้องจนเกินไป ก็นำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

มาทำขนมชั้นกินกัน


ผ่านสัปดาห์แห่งความรักมาแล้ว แต่ยังไม่สิ้นสุดเดือนแห่งความรัก ตามที่สัญญาเดือนนี้ "จานโปรด" ขอนำเสนอเมนูขนมหวานที่ทำง่าย ไว้ให้คุณพ่อบ้าน แม่บ้าน ทำให้คนรู้ใจ ซึ่งวันนี้เป็นคิวของ "ขนมชั้น" ขนมไทยที่หลายคนรู้จักกันดี

สำหรับ "ขนมชั้น" นั้น ถือเป็นขนมไทยโบราณที่ทำจากแป้งกว่า 1 ชนิด มีลักษณะเป็นชั้นแป้ง 9 ชั้น ตัดเป็นสี่เหลี่ยม นิยมมอบให้เพื่อเป็นการแสดงความยินดีต่อผู้ที่ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง แต่จะมีวิธีการทำอย่างไรนั้น ต้องไปเตรียมส่วนผสมกันก่อนค่ะ

ส่วนผสม

1. แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ

2. แป้งท้าวยายม่อม 1 ถ้วย

3. แป้งมัน 2 ถ้วย

4. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ

5. หัวกะทิ 4 ถ้วย

6. น้ำตาลทราย 3 ถ้วย

7. น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย

8. สีผสมอาหารตามชอบ

9. พิมพ์สำเร็จรูป

ลงมือเข้าครัว

1. เริ่มทำน้ำเชื่อมก่อนเป็นอันดับแรก โดยนำน้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย ผสมกับน้ำตาลทราย 3 ถ้วย คนให้น้ำตาลละลาย

2. ผสมแป้งถั่วเขียว แป้งท้าวยายม่อม แป้งมัน แป้งข้าวเจ้า เข้าด้วยกัน จากนั้นค่อยๆ เติมน้ำกะทิลงไปทีละนิด นวดไปเรื่อยๆ (เติมไปนวดไป) จนกะทิหมด จากนั้นเติมน้ำเชื่อมลงไปคนให้เข้ากัน

3. แบ่งส่วนผสมออกมาทีละส่วนซึ่งแต่ละครั้งควรตวงให้ได้ในปริมาณที่เท่ากัน เพื่อให้ชั้นของขนมมีความเสมอกัน นำมาผสมสีผสมอาหารที่เตรียมไว้ ทั้งนี้ควรผสมให้มีทั้งสีเข้มและสีอ่อน

4. เทแป้งที่ผสมสีเรียบร้อยแล้วใส่พิมพ์ทีละชั้น สลับสีกันไป หรือจะไล่ระดับสีเข้ม สีอ่อนก็ได้

5. นำพิมพ์ที่เตรียมไว้ไปตั้งในลังถึง เมื่อพิมพ์เริ่มร้อน ค่อยๆเทแป้งที่เตรียมไว้สำหรับชั้นแรกลงไป รอประมาณ 5 นาที หรือกว่าชั้นแรกจะสุก ก่อนจะเทชั้นต่อไปจนครบทั้ง 9 ชั้น ขอเตือน อย่าใจร้อนเด็ดขาด เพราะหากเทชั้นต่อไปในขณะที่ชั้นก่อนหน้ายังไม่สุก อาจทำให้ชั้นของขนมรวมเข้ากันเป็นชั้นเดียวก็ได้ เมื่อสุกแล้ว ยกลง รอให้เย็น จึงแกะออกจากพิมพ์

สำหรับใครที่มีเวลาในการประดิดประดอยมากหน่อย ลองทำใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาดกลางดู เมื่อสุกแล้วตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ ลอกออกมาทีละชั้น ก่อนพับให้เป็นรูปดอกกุหลาบ มอบเป็นของฝากให้คนที่รัก

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ประวัติ วันวาเลนไทน์



วันวาเลนไทน์ (Valentine'sDay) วันนักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine's Day) หรือที่รู้จักกันว่า วันแห่งความรัก ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันประเพณีที่คู่รักบอกให้กันและกันทราบเกี่ยวกับความรักของพวกเขา โดยการส่งการ์ดวาเลนไทน์ มอบของขวัญวาเลนไทน์ หรือพาคนรักไปท่องเที่ยวในสถานที่โรแมนติก ซึ่งต่อมาวันวาเลนไทน์ ก็ได้นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรปและอเมริกา และเข้ามาในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วย

วันนี้เริ่มเกี่ยวข้องกับความรักแบบชู้สาวในช่วงยุค High Middle Ages เมื่อประเพณีความรักแบบช่างเอาใจ (courtly love) แผ่ขยายก่อนคริสตศักราช 269 ปี

ในสมัยนั้นเขาไม่นิยมให้แต่งงานกันในโบสถ์ แต่เซนต์วาเลนไทน์กลับให้คนภายนอกเข้ามาแต่งงานได้ซึ่งประเพณีรักแบบนี้มักจะถูกต่อต้าน แต่เซนต์วาเลนไทน์กลับให้คนรักกันแบบนี้ได้ จากนั้นเซนต์วาเลนไทน์ถูกพวกโรมันจับตัวส่งไปขังและเขาก็ได้พบรักกับสาวตาบอดในคุก เมื่อฝ่ายที่ว่ามานี้รู้ข่าวเข้าจึงนำเซนต์วาเลนไทน์ไปประหารวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันนี้จึงเป็นวันวาเลนไทน์นั่นเอง

ความเป็นมา

วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia

การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณีอย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็กๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด

ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลายครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัว และคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงาน และงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็กๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับๆ ด้วย

และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศรีษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์

ประวัติท่านนักบุญวาเลนไทน์

เซนต์วาเลนไทน์ หรือนักบุญวาเลนไทน์นั้นเป็นพระที่อยู่ในกรุงโรมระหว่างศตวรรษที่ 3 ในเวลานั้นกรุงโรมถูกปกครองโดยจักรพรรดิที่ชื่อว่า "คลอดิอุส" ซึ่งมีนิสัยชอบข่มเหงผู้อื่น ทำให้ไม่เป็นที่รักของประชาชนเท่าใดนัก จักรพรรดิคลอดิอุสต้องการสร้างกองทัพอันยิ่งใหญ่ และหวังให้ชายชาวโรมันทั้งหลายอาสาสมัครเข้ามาเป็นทหารในการสงคราม แต่ก็ไม่มีชายคนใดจะกระทำตามนั้น จักรพรรดิคลอดิอุสจึงออกกฏหมายห้ามให้มีการแต่งงานหรืองานหมั้นใดๆ เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนไม่พอใจรวมทั้งนักบุญวาเลนไทน์เองด้วย

ในเวลาต่อมานักบุญวาเลนไทน์ได้จัดการแต่งงานให้กับคู่หญิงสาวหลายคู่ขึ้นอย่างลับๆ ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศการใช้กฏหมายห้ามแต่งงานแล้วก็ตาม นักบุญวาเลนไทน์ยังคงรักที่จะทำพิธีเหล่านี้ โดยภายในงานนั้นจะมีเพียงเจ้าบ่าว เจ้าสาว และท่านนักบุญเท่านั้น พวกเขาจะกระซิบคำสาบานและคำอธิษฐานต่อกัน ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงการเดินตรวจตราของเหล่าทหารด้วย

แต่แล้วคืนหนึ่ง ในขณะที่กำลังทำพิธีแต่งงานอย่างลับๆ อยู่นั้นเอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์เกิดได้ยินเสียงผีเท้าของทหาร แต่โชคดีที่คู่บ่าวสาวนั้นหนีออกไปจากโบสถ์ได้ทัน ในที่สุดนักบุญวาเลนไทน์จึงถูกจับขังคุกและถูกทรมานอย่างแสนสาหัส ท่านพยายามให้กำลังใจตัวเองทุกๆ วัน

และแล้ววันหนึ่งสิ่งวิเศษก็เกิดขึ้น เด็กหนุ่มสาวหลายคนมาที่คุกเพื่อจะมาเยี่ยมท่านนักบุญ พวกเขาโยนดอกไม้และกระดาษซึ่งเขียนข้อความต่างๆ เข้าไปทางช่องหน้าต่างของคุก พวกเขาต้องการให้นักบุญวาเลนไทน์รู้ว่า พวกเขาเองก็มีความเชื่อและศรัทธาในความรักด้วยเช่นกัน

หนึ่งในเด็กสาวเหล่านั้น เป็นลูกสาวของผู้คุม ซึ่งพ่อของเธอได้อนุญาตให้เธอเข้าไปเยี่ยมนักบุญวาเลนไทน์ได้ในคุก บางครั้งพวกเขาจะนั่งคุยกันนานนับชั่วโมง หล่อนช่วยให้กำลังใจท่านนักบุญ และเห็นด้วยกับการที่ท่านปฏิเสธกฏหมายห้ามการแต่งงานนั้น อีกทั้งยังสนับสนุนการแต่งงานอย่างลับๆ ของท่านนักบุญอีกด้วย

ในวันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตนั้น ท่านได้เขียนจดหมายไว้ฉบับนึงเพื่อเป็นการขอบคุณในมิตรภาพและความจงรักภักดีของหญิงสาวผู้นั้น แล้วท่านนักบุญก็ลงท้ายจดหมายฉบับนั้นว่า " Love from your Valentine. "

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงมีประเพณีการแลกเปลี่ยนจดหมายรักซึ่งกันและกันในวันวาเลนไทน์ โดยจะเขียนขึ้นในวันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิต คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีคริสตศักราช 270 และปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงท่านนักบุญวาเลนไทน์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของวันนี้คือ การมอบความรักและมิตรภาพให้แก่กันและกัน

และทุกๆ ครั้งที่ผู้คนต่างนึกถึงจักรพรรดิคลอดิอุส เขาก็จะจำได้ถึงวิธีการที่คลอดิอุสพยายามจะมาแทนที่หนทางของความรัก แล้วก็จะพากันหัวเราะ เพราะว่าพวกเขาต่างรู้ดีว่าความรักนั้นไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนหรือแทนที่ได้เลย

สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์

เทพเจ้าคิวปิด ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมันในรูปเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยัง หัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม)

วีนัสอิจฉา "ไซกี" ธิดาของกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่กำลังแรกรุ่นและสวยกว่าวีนัสมาก นางเลยส่งคิวปิดไปหาไซกี เพื่อบันดาลให้ไซกีมีความรักกับบุรุษเพศ แต่คิวปิดแอบหลงรักไซกีและพามาที่วัง และแอบมาหาในตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้ไซกีรู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่มีคนอิจฉายุให้ไซกีแอบดูตอนคิวปิดนอนหลับ ด้วยความตื่นเต้นที่เห็นคิวปิดเป็นหนุ่มรูปงามแลยเผลอทำน้ำมันตะเกียงหกใส่คิวปิด เมื่อคิวปิดตื่นขึ้นก็โกรธมากที่นางขัดคำสั่งจึงทิ้งนางไป เมื่อโดนทิ้งไปไซกีก็ออกตามหาคิวปิด ซึ่งตลอดเวลาไซกีถูกนางวีนัสกลั่นแกล้งต่างๆ นานา จนคิวปิดต้องเข้ามาช่วย เทพเจ้าจูปิเตอร์เห็นใจช่วยให้ทั้งสองครองรักกัน

คำว่า "Valentine" มีความหมายแยกตามตัวอักษร ได้ดังนี้

V คือ VERITY ความจริงที่มีอยู่ ซึ่งความจริงแล้วถ้าความจริงสิ่งที่เป็นอยู่ของคุณและเธอ หรือเขาที่มีต่อกันแล้ว ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความเข้าใจก็จะมีเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณทีเดียว ในโลกนี้มีสิ่งที่รู้อยู่เพียง 4 อย่างเท่านั้น คือ คุณรู้ เขาไม่รู้ คุณไม่รู้ เขารู้ คุณรู้ เขารู้ คุณไม่รู้ เขาก็ไม่รู้ ถ้าหากคุณบอกสิ่งที่คุณรู้และเขาไม่รู้ หรือคุณไม่รู้เขาบอกให้คุณรู้ ความรู้นั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่เปิดเผย จะบอกเขาว่ารัก ก็รีบๆ บอกเสียในวันนี้ อย่าบอกว่า การกระทำก็บอกอยู่แล้ว สายตาก็บอกอยู่แล้ว บอกให้ชัดๆ เสียว่า "รักคุณ"

A คือ AMBITION เป็นความปรารถนาดีอย่างแรงกล้า คุณจะรัก จะชอบ จะจีบใคร คุณควรมีความปรารถนาอย่างสูง มิใช่เห็นเขาส่งการ์ดให้ ส่งดอกไม้ให้ พาเขาไปฉลองสนุกๆ เท่านั้น คุณควรมีความปรารถนาในความรักอย่างจริงจังมิใช่ทำไปเพื่อตามแฟชั่น หรือเพื่อนพ้องลากไป หรือชวนให้ทำ ไปสรรหาการ์ดสวยๆ สั่งดอกกุหลาบสีแดงสดสวยๆ ไว้ล่วงหน้า พยายามทำด้วยความปรารถนาดีที่มีไฟอยู่ในใจนะ

L คือ LENIENT ความผ่อนปรน ความปรานี คุณและเขาหรือเธอควรจะมีการผ่อนปรน หรือสิ่งที่ละทิ้งได้ก็ควรจะละทิ้งไป อย่าเก็บมาใส่ใจให้เป็นขยะในใจ หรือรอยมลทินใจ อย่าคิดอะไรเก่าๆ สมัยนี้ควรที่จะคิด จะนึกได้นะว่า บางอย่างก็ทิ้งๆ ไป เสีย อย่านำมาคิด มีความปรานี เมตตาหรือความรัก ความปรารถนาดีกว่า

E คือ EQUALITY ความเสมอภาค ความทัดเทียมกันในสมัยปัจจุบัน คู่รักหรือคนรักกัน ควรจะมีความเท่าเทียมกันมิใช่อยู่ในสมัยบรรจงกราบเช้า กราบเย็น นอนทีหลังตื่นก่อนแล้ว เราต้องก้าวไปด้วยกัน ด้วยความมุ่งมั่นในอนาคต ด้วยความเสมอภาค แต่เราก็คิดเสมอว่าเคียงข้างไปด้วยกัน ขนานกันดีกว่าที่จะมาจูงกัน ก้าวไปด้วยความรักที่มีเท่าเทียมกัน เขามอบอะไรให้เรา เราก็ควรจะตอบแทนให้เขาเท่าๆ กัน พอๆ กัน มิใช่เอารัดเอาเปรียบเขา เขามาแสดงความรัก ความยินดี ด้วยกุหลาบช่อใหญ่ แต่เราให้เขาเพียงดอกเดียว ดูเป็นการเอาเปรียบกันเกินไป จริงอยู่บางคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่มันสำคัญที่ใจ ถ้าหากต่างคนต่างให้ความเสมอภาคแล้ว ตาชั่งก็คงไม่เอียงใช่ไหม

N คือ NOTABLE การยกย่องให้อยู่ในสภาพที่ดี ถึงแม้คุณจะมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันแล้วก็ตาม คุณก็ควรจะยกย่องเธอหรือเขาให้อยู่ในสถานภาพที่ดีต่อบุคคลทั่วไป คือ เป็นการให้เกียรติยกย่องเธอหรือเขาต่อสังคม ว่าเป็นคนที่สวยเป็นคนที่ดี ไม่ว่าอยู่ต่อหน้า และลับหลัง มิใช่เอาไปนินทา เอาไปเผาต่อหน้าเพื่อนฝูงให้ไหม้เป็นจุณไป หรือพูดคุยตลกคะนอง ลับหลังเธอหรือเขาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สู้ฉันไม่ได้ ฉันยอด คุณควรจะยกย่องเธอหรือเขา ในโอกาสที่ควร และในเวลาที่กำลังมีความรักอยู่ด้วยแล้วก็จะดียิ่งทีเดียว

T คือ TENDER ความรักใคร่ที่นุ่มนวล บรรจงเป็นห่วงเป็นใย Love me Tender คงจะบอกคุณได้หลายๆ อย่าง คุณควรจะทะนุถนอมเธอหรือเขาด้วยความรัก ความนุ่มนวล ความห่วงใย โทร.ไปสวัสดี Valentine ตั้งแต่ใครยังไม่โทร.ไปสวัสดีก่อน เพื่อให้เธอหรือเขาเห็นว่าคุณมีความห่วงใย ความปรารถนาดีแค่ไหน ไปฉลองด้วยกันต้องนุ่มนวลในบรรยากาศอย่างนั้น ดูซิ แสนจะสดชื่นกับความรักแค่ไหน

I คือ INNOVATION การทำความแปลกใหม่มาให้คู่รัก คนรักหรือชีวิตรัก มิใช่อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้นมาตลอด ชอบกันอย่างไรก็ชอบกันมาอย่างนั้น เคยให้อะไรก็ให้อย่างนั้น คุณควรจะทำสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ มาสู่ชีวิตคุณและเธอหรือเขาด้วย การเปลี่ยนแปลงเป็นวิถีของชีวิต ดังนั้น คุณควรจะเปลี่ยนอะไรๆ บ้าง ในทางที่ดีนะ อย่างคุณจะหาอะไรในวัน Valentine ให้เธอเปลี่ยนจากดอกไม้ที่เป็นดอกกุหลาบมาเป็นผ้าตัดเสื้อลายกุหลาบ หรือผ้าเช็ดหน้าปักกุหลาบแดง หรือจี้เพชรรูปกุหลาบ เข็มกลัดกุหลาบก็ได้ ส่วนคุณที่จะมอบให้เขาอาจเป็นผ้าเช็ดหน้าปักกุหลาบ เข็มกลัดไทรูปกุหลาบ หรือแหวนรูปกุหลาบสำหรับใส่นิ้วก้อยสักวง ลองเปลี่ยนบ้างนะ

N คือ NEXUS การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ให้มีตลอดไปมิใช่วัน Valentine เท่านั้นที่คุณจะมอบกุหลาบให้เธอหรือเขา วันเกิด วันปีใหม่ วันครบรอบความรักที่เคยให้กันไว้ วันครบรอบวันแต่งงาน หรือวันสำคัญๆ ที่คุณให้ก็ได้ หรือบางวันก็ส่งช่อดอกไม้ไปให้เธอช่อใหญ่ๆ พร้อมกับคำขวัญสั้นๆ ว่า "รักคุณ" ให้คนในที่ทำงานหรือเพื่อนๆ อิจฉาเล่นก็ได้ เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ของคุณต่อเธอหรือเขาว่าคุณยังคิดถึง ยังรักอยู่นะ

E คือ ENDURANCE ความอดทน ความยืนยงสถาพร ความอดกลั้น ความเป็นอมตะ อยู่ชั่วกาลนานคุณจะต้องมีความอดทนต่อทุกๆ สิ่ง ถ้าหากคุณต้องเผชิญกับสิ่งนั้น อาจเป็นเวลาที่คุณจะต้องคอย คุณจะต้องยืนหยัดในความปรารถนาของคุณ คุณต้องอดกลั้นเมื่อคุณเผชิญต่อสิ่งที่คุณจะต้องโมโห หรืออารมณ์เสีย ต่อหน้าเธอหรือต่อหน้าเขา คุณควรประพฤติและปฏิบัติอย่างเป็นไปอย่างนั้นอย่างเสมอๆ มิใช่นานเกือบเดือนเพิ่งจะโทร.ไปหาหรือเขียนจดหมายมา หรือหายไปเป็นปีเพิ่งจะมาบอกว่า "รักคุณ"

คุณควรจะมีความรัก ความเมตตา ความปรานี ชีวิตของคุณจะสดใสดังกุหลาบแรกแย้มที่ต้องน้ำค้างของวันใหม่ทีเดียว

วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2550 นี้ เป็นวันที่จะมอบความรัก ความเมตตาให้แก่กันและกันหรือยัง เป็นความรักที่บริสุทธิ์จากใจ ซึ่งเกิดขึ้นได้ระหว่างพ่อ แม่ ลูก เพื่อนกับเพื่อน ผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ฯลฯ

มิใช่เพียงการสื่อความหมายในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว

การมอบกุหลาบหรือสิ่งของเป็นสื่อแทนความรู้สึกที่ดีต่อกัน ในความหมายของคำว่า Valentine หากใครยังไม่ปฏิบัติ ก็ปฏิบัติได้ในปีนี้ หรือในโอกาสที่สมควรก็ได้ เพื่อสังคมเราจะได้มีแต่ความรักความสุขและรอยยิ้ม

ธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันในวันวาเลนไทน์

หลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็กๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง ในเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจะกล่าวว่า " Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine."

ในประเทศเวลส์ ผู้ที่มีความรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ โดยจะสลักรูปหัวใจ และลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ซึ่งมีความหมายว่า "คุณได้ไขหัวใจของฉัน" (You unlock my heart)

เด็กหนุ่มสาวจะทำการเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบแล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อเพื่อดูว่าใครจะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ การทำเช่นนี้มีความหมายว่า คนๆ นั้นต้องการบอกคนทั่วไปรู้ได้ง่ายๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

ในบางประเทศ ผู้หญิงจะได้รับของขวัญเป็นเครื่องแต่งกายจากผู้ชาย แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเก็บของขวัญชิ้นนี้เอาไว้นั่นหมายถึงหล่อนจะแต่งงานกับเขา

บางคนมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกโรบินบินผ่านเหนือศรีษะตนเองในวันวาเลนไทน์ นั่นหมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับกะลาสีเรือ หรือถ้าผู้หญิงคนใดเห็นนกกระจอก หล่อนก็จะได้แต่งงานกับชายยากจนและจะมีความสุข และถ้าผู้หญิงคนไหนเห็นนก Goldfinch หมายถึงหล่อนจะได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี

ในบางประเทศจะมีการทำเก้าอี้แห่งรักขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเก้าอี้ที่มีขนาดกว้าง ในครั้งแรกที่มีการทำเก้าอี้นี้ขึ้นมาก็เพื่อจะให้ผู้หญิงที่แต่งตัวในชุดราตรีนั่ง ต่อมาเก้าอี้แห่งรักนี้ได้ทำขึ้นเป็นสองส่วนและมักจะทำเป็นรูปตัวเอส (S) ซึ่งการทำเก้าอี้ทรงนี้จะทำให้คู่รักสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่จะไม่ใกล้ชิดกันจนเกินไป

บางธรรมเนียมในบางแห่งของโลก เด็กหนุ่มสาวจะนึกถึงชื่อของคนที่ตัวเองอยากจะแต่งงานด้วยประมาณห้าถึงหกชื่อ ในขณะที่ปอกเปลือกผลแอปเปิ้ลนั้นให้เป็นขดนั้น ก็ให้เอ่ยชื่อของคนที่นึกถึงออกมาจนกว่าจะปอกเปลือกแอปเปิ้ลได้หมดผล และเชื่อกันว่า คนที่จะได้แต่งงานด้วยนั้นคือคนที่เอ่ยชื่อถึงในขณะที่ปอกเปลือกของแอปเปิ้ลได้หมดพอดี

ในบางประเทศมีความเชื่อว่า ถ้าหากผ่าผลแอปเปิ้ลออกมาเป็นสองซีก แล้วให้นับเมล็ดข้างในดู แล้วก็จะสามารถรู้จำนวนบุตรในอนาคตได้

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ความรัก . . . .



ความรัก . . . ไม่ต้องการแค่วันเดียว

ความรัก . . . ไม่ต้องเกี่ยวกับวันไหน

ความรัก . . . ไม่ต้องมีเวลาใด

ความรัก . . . ไม่ต้องใช้ให้ใครชี้

ความรัก . . . ไม่ต้องมีข้อวิจารณ์

ความรัก . . . ไม่ต้องการ การกดขี่

วามรัก . . . ไม่ต้องให้ใครตราตี

ความรัก . . . ไม่ต้องมีเส้นพรมแดน

ความรัก . . . ไม่ต้องรอข้อพิสูจน์

ความรัก . . . ไม่ต้องพูดตามแบบแผน

ความรัก . . . ไม่ต้องการ การตอบแทน

ความรัก . . . ไม่ต้องแค่นหัวใจคน

ความรัก . . . ไม่ต้องการ การเป็นต่อ

ความรัก . . . ไม่ต้องรอขอเหตุผล

ความรัก . . . ไม่ต้องย้ำความมีจน

ความรัก . . . ไม่ต้องทน ที่จะรัก

ลองใช้ใจมองเพื่อน



คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหม ?

ถ้าไม่ . . . แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เรามาพบกับคนหลายคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

ถ้าไม่ . . . แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เราถูกชะตาจนเรียกคนๆ นั้นว่า "เพื่อน"

เพื่อน . . . คนที่ครั้งหนึ่งก็เป็นได้แค่คนแปลกหน้า

เวลาผ่าน เวลา คนแปลกหน้าคนนั้นก็กลับกลายมาเป็นคนที่เรา "ไว้ใจ"

เพื่อน . . . คนที่พร้อมอยู่กับเราเสมอๆ ไม่ว่า สุข ทุกข์ เหงา เศร้า

เพื่อน . . . คนที่พร้อมแชร์ความรู้สึกต่างๆโดยไม่เคยเอ่ยปากว่า "ถ้าทำอย่างนั้นแล้วฉันจะได้อะไร" เพื่อน . . . คนที่ไม่เคยสนใจว่าเราจะหน้าตาดี มีสกุล ร่ำรวย ยากจน สูง ต่ำ ดำ ขาว หรือไม่

เพื่อน . . . คนที่ไม่เคยเสแสร้ง แกล้งทำ

แต่ . . . เพื่อนตายหายากเหลือเกิน

เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้เป็นเพื่อนตายของเราหรือไม่

เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้ เป็นคนที่พร้อมจะเคียงข้างเราเสมอไปไหม

เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้จริงใจกับเราแค่ไหน

ทั้งหมดนี้ เราใช้ "ตา" มองไม่เห็น

แต่ทั้งหมดนี้เราใช้ "ใจ" มองเห็นได้

เมื่อบทความ ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ คุณล่ะ?

ใช้ "ตา" มองเพื่อน หรือใช้ "ใจ" มองเพื่อน

เราบอกไม่ได้ว่าคนๆ ไหนดี ไม่ดี จนกว่าเราจะมีโอกาส รู้จักกับคนๆ นั้น

แล้วใช้ใจของเราสัมผัส . . . การคบใครสักคน คบเพียงกายก็ไร้ประโยชน์

แต่การคบใครสักคน จำเป็นต้องคบกันด้วย "ใจ"

วันนี้ . . . คุณใช้อะไร คบเพื่อนของคุณ

อย่าบอกนะว่า . . . คุณก็เป็นคนที่คบเพื่อนแค่ "ตา"

เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็คงเป็นคนที่ไม่น่าคบคนหนึ่ง

อย่าลืมบอกรัก "เพื่อน"

หรือมองเพื่อนด้วยใจ . . . ด้วยความรักนะคะ

แล้วคุณจะเจอเพื่อนแท้ และรักคุณ

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

นิยามความรัก ช่วงวาเลนไทน์



เห็นวัยรุ่นตอนต้น - ตอนปลาย จนถึงวัยผู้ใหญ่และวัยดึก ดุกดิกดี๋ด๋ากันเหลือเกินในช่วงนี้ สงสัยเพราะใกล้วันแห่งความรักล่ะซี ถึงได้เหี้ยนกระหือรือกันนัก แถมตามร้านค้ารวมทั้งห้างสรรพสินค้าก็วางขายสินค้าที่เกี่ยวกับการบอกรัก ความหมายของรักและแสดงความเลิฟขายกันอื้อซ่า แสดงว่าความชอบ ความรัก และความใคร่ เอ้ย...ความปรารถนาอยากได้รับความโรแมนติกจาก “คนเลิฟ” นั้นไม่เคยล้าสมัย แต่กลับอยู่ในใจของ "ผู้อยากให้รักที่มีนั้นดีซำเหมอ"

อีกอย่างคงมีน้อยคนนักที่ประสงค์จะ "รักแล้วรอหน่อย" เนอะ เอ้า... ถ้ารักแล้วจะเก็บเอาไว้คนเดียวทำไม? วัยรุ่นใจร้อนน่ะมีแต่อยากบอกให้อีกคน (ที่ไปปิ๊งด้วย) รู้ว่า รักเค้าเข้าแล้วทั้งนั้นแหละ...ถ้าขืนไม่พูดก็คงอึดอัดอยู่แต่ในใจเดี๋ยวได้อกแตกตายกันพอดี งั้นมามะ บอกให้รู้แล้วรู้แรดไปละกัน ถ้าเผื่อเค้าไม่เลือกเรา จะได้รู้ตัว...หนีไปตั้งหลักแล้วค่อยเสาะหารักใหม่ยังดีซะกว่า

ส่วนใครที่ "รักแล้วอยากรอ" เพราะลังเล ไม่มั่นใจ และกลัวเก้อ จึงคิดมากคิดมายว่าควรชวนคนที่ตัวหมายปองมารักกันดีไหม? ก็ตัดสินใจซะ รู้น่าว่า...บางที การบอกรักของบางคน (ที่รอบคอบ) ต้องใช้เวลาศึกษากันให้ลึกซึ้ง...ขืนไปเจอ "พวกหน้าตาดีแต่ชอบพูดเอื้อยเจื้อย, พูดไปงั้น, พูดให้อีกคนเกิดความหวังลมๆ แล้งๆ" แถม ไม่เคยทำตามสัญญาที่พูดไว้ต่อกัน ก็แย่ดิ่ ถ้ารูปการณ์เป็นงี้ก็ยากนักที่จะรักกันได้! ใครบ้างว่ะ ชอบคนพูดแล้วไม่ทำตามสัญญา? เช่น บอกกะเราว่า จะพาไปเที่ยวนะ...แต่เค้าไม่เคยทำได้อย่างที่พูด เออ.....เป็นงี้คุณจะผิดหวังมะ? ก็ต้องผิดหวังดิ่ เพราะนึกว่า "มีใจให้แก่กัน" ก็ควรทำตัวเป็นคนไม่ลืมในสิ่งที่เค้าพูดไว้ดิ่

ดังนั้น ขอเตือนนะฮ้า ถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ตามที่พูดก็อย่าพูดละกัน เกลียดนักพวกเก่งแต่ปากเนี่ยะ ทำให้เสียเวลา ถ้าแค่ "เสียใจ" ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเสียเวลามันร้ายแรงกว่ากันนะเฟ้ย

แหมเกริ่นมาซะยืดยาว ความจริงอยากฝอยถึงความหมายของความรักนั่นเอง เพราะเท่าที่สำรวจมาพบว่า มนุษย์สามารถให้นิยามคำว่ารักได้ต่างๆ นานา ดังนี้...

1. รักคือความเข้าใจ รักคือยอมอภัยทุกอย่าง อภัยให้กัน...โอ้โห คนที่ให้นิยามหยั่งงี้แสดงว่า เป็นแม่พระ หรือไม่ก็พ่อพระตัวจริงแฮะ

2. รักคือเธอกับฉัน เป็นเรื่องของคน 2 คน ซึ่งบุคคลภายนอกหากมองไปที่คนคู่นี้ ก็ยากที่จะเก็ต (เข้าใจ) นั่นแหละรัก...โธ่ อยากบอกว่า รักเป็นเรื่องส่วนตัวของคนคู่นึงก็บอกมาเหอะ!

3. รักคือสีชมพูเวลาอยู่ใกล้ๆ เธอแล้วใจ (ฉัน) มันเต้นตึกตักๆๆ เป็นจังหวะรุมบ้า, ชะชะช่า และแทงโก้ผสมปนเปกันจนวุ่น และฉันรู้ว่าการเต้นของหัวใจคราวนี้ ไม่ใช่จังหวะปกติแน่นอน....ขอยืนยัน จะนอนยันด้วยก็ได้ ไม่ว่าไร 555

4. รักทำให้มนุษย์เสียสมาธิ, ขาดความเชื่อมั่น และขลาดกลัว แต่ในทางกลับกันสิ่งที่ตามมาหลังจากรักไปแล้วกลับดียิ่งกว่า กล่าวคือ มีอีกคนเข้ามาทดแทนและช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตของฝ่ายที่มีรัก ดังนั้น ความกล้าและความมั่นใจจึงกลับคืนสู่คนนั้นอย่างมีเหตุมีผล จนคุณตระหนักว่า ชีวิตของคุณไม่ใช่เรื่องบ้าบอคอแตกและไร้สาระอีกต่อไป นั่นแหละที่เรียกกันว่า “อินเลิฟ” ล่ะ

5. ไม่รู้หรอกว่า รักคืออะไร? รู้แต่ว่า รักไม่เคยเปลี่ยนแปลงละกัน อุ้ย จะบอกว่า รักยืนยงคงกระพันสินะ.....ขอให้จริง ขอให้จริง เพี้ยง!

6. รักคือการเรียนรู้ของคน 2 คน ถ้าเค้าพร้อม เราก็พร้อม...โอ้ลั่นล่า

7. รักคือแสงสว่างของชีวิต เมื่อฉันและเธอเคียงคู่อยู่ด้วยกันตลอดไป โอมมะรึกกึกกึ๋ย ขอให้รักนี้ไม่ใช่ฝันกลางวัน หรือฝันเลื่อนลอยทีเถิ้ด

8. รักคือการเป็นคนรักที่ดีให้กับ "คนที่เรารัก"....แต่อะไรที่พลั้งเผลอทำไม่ดีไปนิดหน่อย ก็ขอให้ดาร์ลิ่งช่วยอภัยให้ด้วยนะคนดี....มีงี้ด้วย?

9. รักคือไม่เคยหวั่นไหวไม่เจ้าชู้ แต่ขอหยุดที่เธอเพียงคนเดียว ก็มีสุขแล้ว

10. ความรักไม่ใช่การคิดแต่จะเอาชนะคะคานกัน ความรักไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว, ไม่ใช่เกลียด "ในสิ่งที่เค้าเป็น" ตรงกันข้าม เราควรรักในสิ่งที่เค้าเป็น และอย่าไปเปลี่ยนแปลงตัวตนของเค้าให้เป็น "คนในแบบที่เราต้องการ" ต่างหากล่ะ....ล้ำลึกและหนักแน่นจ้ะ

11. รักคือวิกฤติของชีวิตที่ทำให้เรามารักกันไม่ทันไร ก็ต้องจากกันซะและ! แต่ยังไม่ได้บอกซะหน่อยนะ ว่าคู่นี้เค้าจากกันเพราะอะไร? อย่าเพิ่งตีโพยตีพายว่า คู่นี้สงสัยจากกันไม่ดีแหงเลยไปซะก่อน เพราะคนรักกันเห็นจากกันทั้งๆ ที่ยังเลิฟก็ถมเถไป

12. ความรักทำให้เราอยากมีเวลาส่วนตัว เพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่เรารัก...หวานซ้า

13. ความรักมีอยู่กระจัดกระจาย ถ้าคุณไม่ปิดตาปิดหูปิดจมูกของตัวเองซะอย่าง คุณก็จะเจอความรักสักวันแน่ๆ

14. เชื่อว่าความรักเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ดังนั้น หากจะรักก็รักไปเลย ไม่คำนึงถึงเหตุผลหรืออะไรทั้งสิ้น ขออย่างเดียว ถ้ารักก็ช่วยบอกกันหรือแสดงออกให้รู้ ไม่ใช่ทำเป็นอ้ำๆ อึ้งๆ หรือปล่อยให้อีกฝ่ายเก็บไปคิดเอง, ตีความเอาเองแล้วจะดีหรือจ๊ะ? ข้อนี้เป็นไอเดียของน้องนุ่น กรุงเทพชวนให้ไปคิดต่อ หรือชวนสยองก็ไม่รู้ดิ่ อิอิ

15. รักคือความเป็นมิตรบวกด้วยความเข้าใจอันดี ผสมกับการไม่ระแวงกัน อย่างไร้สติ รวมทั้งไม่ "หูเบา" ฟังใครเค้าพูดถึงแฟนเราไม่ดีอย่างโง้นอย่างงี้ก็อย่าปักใจเชื่อ....โอ้ มายเดียร์ เธอต้องหัดใส่ตุ้มหูไว้ซะมั่งแล้วล่ะ สุดท้าย หากรักกันจริงก็อย่าหลอกให้หลงนะฮ้า

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สวยด้วยการกิน



สวยด้วยการกิน (First Magazine)

"กินอะไรทำไมสวยจัง" เรามักได้ยินประโยคเด็ดเช่นนี้อยู่เป็นประจำ หลายคนจึงสงสัยว่า "สวยด้วยการกิน" ได้ด้วยหรือ

First ฉบับนี้จึงพาคุณไปรู้จักกับอาหารอันแสนวิเศษ ที่จะทำให้คุณอิ่มอร่อยโดยที่ยังสวยไม่สร่างไปตลอดกาล เพื่อที่คุณสาวๆ จะได้กินไปยิ้มไป เพราะกินไอ้นั่นก็ผมสวย กินไอ้นี่ก็ผิวดี กินแบบนี้ก็ดีต่อสุขภาพ แถมท้องยังอิ่มอีกต่างหาก จิตใจก็ผ่องใสตามมา ...นี่แหละคือความสุขของการกินอย่างแท้จริง จริงไหม

อาหารผิวดี

- สับปะรดและส้ม อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงให้ผิวพรรณสดใสดูอ่อนกว่าวัย

- มะนาว อุดมด้วยวิตามินซีที่มีประโยชน์ต่อผิว และยังช่วยทำความสะอาดตับ

- มะเขือเทศ มีทั้งวิตามินซีและlycopene ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันผิวเสียจากรังสียูวี

- แครอท มีเบต้าแคโรทีนมาก ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับผิว

- กีวี, อะโวคาโด และน้ำมันมะกอก ประกอบไปด้วยวิตามินซี เป็นประโยชน์ต่อการสร้างและยืดอายุคอลลาเจนใต้ผิวเรา

- ผักโขม อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอมชมพู

- โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่ายของเสียทำให้ผิวพรรณสดใส

- ปลา อุดมไขมัน น้ำมันปลาทำให้ผิวพรรณเต่งตึง

อาหารผมสวย

- ไข่ เต็มไปด้วยโปรตีนซึ่งจะทำให้ผมเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง

- ปลาที่มีกรดไขมัน (โอเมก้า) เช่น ปลาแซลมอน ทูน่า ควรรับประทาน 2 มื้อต่อสัปดาห์

- อะโวคาโด มีวิตามินบี 5 เยอะ ช่วยชะลอการเกิดผมหงอก อาหารตาใส

- ผักโขม, ถั่ว และ ข้าวโพด มีสารLutein ซึ่งทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันโรคที่เกิดกับตา ป้องกันการทำลายเรติน่าจากรังสียูวี

- แครอท, ตำลึง และผักบุ้ง มีเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นวิตามินเอ ช่วยในการมอง ซึ่งส่งผลให้เราไม่ต้องเพ่งหรือเกร็งตามากๆ จึงทำให้โอกาสเกิด "ตีนกา" น้อยลง

อาหารฟันแข็งแรง

- นม, ปลา และน้ำซุปที่ตุ๋นจากซี่โครงสัตว์ (ไก่และหมู) มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสซึ่งทำให้ฟันแข็งแรง แถมนมยังปกป้องฟันจากแบคทีเรียได้อีกต่างหาก

- เนยแข็ง จะเพิ่มปริมาณน้ำลายในปากควรกินหลังอาหารจะทำให้กรดในปากเจือจางลง ป้องกันฟันผุ

- และที่ขาดไม่ได้ก็คือการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายของเรา น้ำมีความสำคัญมากเพราะน้ำจะไปเพิ่มเติมความชุ่มชื้นในส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ปวดท้องตรงไหน เป็นอะไรกันแน่



ปวดท้องตรงไหน เป็นอะไรกันแน่ (ชีวจิต)

อาการปวดท้องมักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่ส่วนมากเราจะไม่ค่อยรู้สาเหตุว่าปวดเพราะอะไร ทนได้ก็ทน แค่ถ้าทนไม่ได้ถึงจะกินยาแก้ปวด มูลนิธิหมอชาวบ้านจึงให้คำแนะนำว่า หน้าท้องแข็งเป็นดาน กดแล้วเจ็บ หรือกดแล้วท้องยุบลงไป แต่เจ็บทันทีที่ปล่อยมือ มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ ปัสสาวะไม่ออกหรือถ่ายเป็นเลือด หน้าซีด เป็นลม ตัวเย็น เหงื่อออก ไม่รู้สึกตัว เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตัวเหลือง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือข้อใดข้อหนึ่ง ต้องรีบไปหาหมอทันที เราสามารถแบ่งบริเวณที่ปวดท้องได้เป็น 9 ส่วน คือ

1. ชายโครงขวา คือ ตับและถุงน้ำดี

อาการที่พบมักจะกดแล้วเจอก้อนแข็งร่วมกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า อาจเป็นโรคเกี่ยวกับตับหรือถุงน้ำดี เช่น ตับอักเสบ ฝีในตับ ถุงน้ำดีอักเสบ

2. ใต้ลิ้นปี่ คือ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ และกระดูกลิ้นปี่

- ปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะ

- ปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ

- คลำเจอก้อนเนื้อค่อนข้างแข็งและมีขนาดใหญ่ อาจหมายถึงตับโต

- คลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็กๆ มักเป็นกระดูกลิ้นปี่

3. ชายโครงขวา คือ ม้าม ซึ่งมักจะคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณนี้

4. บั้นเอวขวา คือท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่

- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ่ายเป็นเลือด อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ

- ปวดร้าวถึงต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต

- ปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น อาจเป็นกรวยไตอักเสบ

- คลำเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นไตโตผิดปกติหรือเนื้องอกในลำไส้ใหญ่

5. รอบสะดือ คือ ลำไส้เล็ก มักพบในโรคท้องเดินหรือไส้ติ่งอักเสบ (ก่อนจะย้ายมาปวดท้องน้อยขวา) แต่ถ้าปวดแบบมีลมในท้อง ก็อาจเป็นเพราะกระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ

6. บั้นเอวซ้าย คือ ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่ (เหมือนข้อ 4)

7. ท้องน้อยขวา คือ ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก

- ปวดเกร็งเป็นระยะ ร้าวมาที่ต้นขา อาจเป็นเพราะมีก้อนนิ่วในกรวยไต

- ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก มักเป็นไส้ติ่งอักเสบ

- ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว มักเป็นเพราะปีกมดลูกอักเสบ

- คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ

8. ท้องน้อย คือ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก

-ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะหรือถ่ายกระปริบกระปรอย มักเป็นเพราะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

- ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน เป็นอาการปวดประจำเดือน แต่ในรายที่ปวดเรื้อรังในหญิงแต่งงานแล้วไม่มีบุตร อาจเป็นเนื้องอกในมดลูก

9. ท้องน้อยซ้าย คือ ปีกมดลูกและท่อไต

- ปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขา มักเป็นนิ่วในท่อไต

- ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว เป็นเพราะมดลูกอักเสบ

- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ

- คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ อาจเป็นเนื้องอกในลำไส้

5 ตุ๊กตา ยอดฮิตระดับโลก

Love Me Love My Dolls
เปล่าครับ เราไม่ได้จะชวนผู้ชายทั้งแท่งอย่างคุณมาเล่นตุ๊กตากัน แต่เผื่อหนุ่มคนไหนอยากจะซื้อตุ๊กตาให้สาวๆ จะได้รู้เรื่องว่าตัวไหนเป็นตัวไหน ไม่ใช่เอะอะก็ซื้อตุ๊กตาโดราเอมอนหรือเคโระอย่างเดียว ลองดูกันครับว่าสุดยอด 5 ตุ๊กตาที่เราเลือกมามีอะไรบ้าง

1. Barbie

กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1959 ในงานอเมริกันทอย แฟร์ หลังจากมีการก่อตั้งบริษัท แมตเทล ในปี 1944 โดยเอลเลียด แฮนด์เลอร์ และ ฮาโรลด์ แมคสัน ซึ่งภายหลังแมคสันขายเลอร์หุ้นส่วนหนึ่งของตัวเองให้แฮนด์เลอร์ ทำให้แฮนด์เลอร์กับภรรยาของเขาเข้ามาทำธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว ในงานของเล่นที่นิวยอร์ก เมื่อปี 1959 แมตเทลจึงออกผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "บาร์บี้" เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นตุ๊กตานางแบบวัยรุ่นที่สวมชุดว่ายน้ำลายขาวดำ พร้อมกับแว่นกันแดดสุดเปรี้ยว รองเท้าส้นสูง ตุ้มหูห่วงสีทอง และผมหางม้าสูง 29 เซนติเมตร หนัก 11 ออนซ์ โดยชื่อบาร์บี้นั้นมาจากชื่อลูกสาวของแฮนด์เลอร์

ต่อมาตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมอย่างสูง จึงทำให้มีสร้างเป็นเรื่องราวออกมาว่าบาร์บี้เกิดที่ เมืองวิลโลว์ ที่วิสคอนชิน มีชื่อจริงว่า บาร์นี้ มิลลิเซ็นต์ โรเบิร์ดส์ เป็นบุตรสาวของ มาการ์เร็ด โรเบิร์ดส์ กับ โรเบิร์ด โรเบิร์ดส์ โดยมีน้องสาว ชื่อว่า สกิปเปอร์ ทูตติสเคซี และเคลลี พร้อมเพื่อนสนิทอย่างมิดจ์ บาร์บี้ได้เข้าเรียนในระดับไฮสคูลที่โรงเรียนวิลโลว์ ในเมืองวิลโลว์ รัฐวิสคอนชิน และเริ่มออกเดทกับเคนในปี 1961 ทั้งสองเป็นคู่รักที่สวีทกันมาตลอดว่า 40 ปี แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็มาถึง กระแสของการแสวงหารักใหม่เข้ามามีบทบาทเหมือนคนจริงๆ เพราะสาวบาร์บี้แอบมีกิ๊กจนเลิกกับเคนในปี 2005 หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตสาวโสดอย่างสนุกสนามตามเทรนด์แฟชั่นที่เข้ามาในแต่ละปี

การผลิตเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาบาร์บี้นั้นมีแบบต่างๆ ให้เลือกมากกว่า 500 แบบ จำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ มียอดจำหน่ายมากกว่า 1 พันล้านตัว ราคาบาร์บี้สำหรับเด็กประมาณตัวละ 400-500 บาท หากเป็นรุ่นสะสม ก็จะมีราคา 1,100 บาทขึ้น แต่ถ้าเป็นรุ่นเก่าหายาก ก็จะมีราคาตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไปครับ





2. Teddy Bear

กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1903 ที่เยอรมัน โดยในครั้งแรกยังไม่ได้เรียกมันว่าหมีเท็ดดี้ จนกระทั่ง เทโอดอร์ รูสเวลท์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ซึ่งเป็นคนที่ชอบล่าหมีเป็นชีวิตจิตใจ จนมีนักวาดการ์ตูนคนหนึ่งเขียนภาพล้อเลียนโดยมีเจ้าหมีตัวเล็กๆ อยู่ข้างหลังตลอดเวลา ทำให้ทุกคนเรียกหมีตัวนั้นว่าเจ้าเท็ดดี้ต่อมาพ่อค้าหัวใสขาวอเมริกันได้สั่งซื้อตุ๊กตาหมีจาก นางมาการ์เร็ต เท ซึ่งเป็นผู้ออกแบบจำนวน 3,000 ตัว ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้จึงกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการนับแต่บัดนั้นเมื่อตุ๊กตาหมีขายดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดการเลียนแบบกันมากขึ้น ทำให้หลานชายของนางมาการ์เร็ต เท ต้องสร้างเอกลักษณ์ของตัวตุ๊กตาขึ้นมาโดยทำเป็นกระดุมติดอยู่ที่หู และมีแถบผ้าชิ้นเล็กๆ เขียนว่า Steiff ซึ่งก็คือชื่อบริษัทผู้ผลิตนั่นเอง

ปัจจุบันบริษัท Steiff ผลิตตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ประมาณปีละ 1.5 ล้านตัว โดยหมีเท็ดดี้ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์คือ หมีที่ทำขึ้นในปี ค.ศ.2000 ที่มีชื่อว่า Teddybr "Louis Vuittan" ในปี 2000 ที่มีมูลค่ารวมแล้วประมาณ 2 แสนยูโร เหตุที่มันแพงขนาดนี้ก็เพราะทำด้วยมือ มีชุดและเครื่องประดับ แถมยังมีลายปักอีกด้วย เมื่อนำไปประมูลราคาจึงสูงมาก โดยผู้ชนะการประมูลในครั้งนั้นเป็นชาวเกาหลีที่นิยมสะสมของหายาก





3. Kitty

กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1974 โดยบริษัท Sanrio ที่ลอนดอนกำเนิดคิตตี้บนกระดานวาดภาพจนมาถึงปี 1975 ก็ได้ทำเป็นโมเดลพลาสติกเล็กๆ ขึ้น ต่อมาในปี 1976 คิตตี้เริ่มปรากฏอยู่ตามกล่องอาหารชุด และไม่นานก็ได้มีการ์ตูนชุดออกมาในสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้นยังมีละครทีวีอีกด้วย
ปี 1980 คิตตี้เข้าไปอยู่ในกิ๊ฟช๊อปต่างๆ โดยเฉพาะไปโด่งดังในญี่ปุ่น ปี 1990 คิตตี้มีพื้นที่แสดงของตนเองที่เมืองมีชื่อว่า "Sanrio Puroland" อยู่ที่เมืองทามะ ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถดึงดูดคนได้มากกว่า 1.4 ล้านคนต่อปี และในปี 1991 ที่คิวชู ญี่ปุ่นถึงกับมีการสร้างสวนสาธารณะที่เป็นเสมือนอาณาจักรของคิตตี้ก็ว่าได้

ส่วนเรื่องราวย่อๆ ของคิตตี้มีดังนี้ครับ คิตตี้นั้นเกิดเดือนพฤศจิกายน ปี 1974 ที่ชานเมืองลอนดอน ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณสองหมื่นคน คิตตี้มีพี่น้องฝาแฝดชื่อ มิมมี่ ชอบทำคุกกี้ให้คิตตี้กิน คิตตี้ชอบกินของความหลายชนิด อย่างลูกกวาด พายแอปเปิล ฝีมือคุณแม่ คิตตี้ชอบสะสมดวงดาวเล็กๆ ปลาทอง เหรียญเงินและริบบิ้น ตั้งแต่พ่อของเธอไปทำงานที่นิวยอร์ค เธอก็มีเพื่อนมากมาย คิตตี้ชอบผู้ชายใจดีและเป็นมิตร รักครั้งแรกของคิตตี้คือหนุ่มที่ชื่อ Dear Danlel แต่ไม่นานเขาก็ต้องจากไปเพราะเดินทางตามครอบครัวไปแอฟริกา คิตตี้จึงได้มาคบกับ Tippy หมีเพื่อนร่วมชั้นเรียน



4. Blythe

กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1972 จากโรง Kenner สหรัฐอเมริกา ในตอนแรกได้จัดทำตุ๊กตาออกมาถึง 4 แบบคือ Blythe, Karess, Willow และ Skye ต่อมาทางโรงงานก็ได้จ้างดีไซน์เนอร์มาช่วยออกแบบให้ ซึ่งทำให้ตุ๊กตาสามารถเปลี่ยนสีลูกตาได้ แถมมีเครื่องแต่งกายมากมายที่สลับสับเปลี่ยนกันแทบไม่รู้จบ อย่างไรก็ตาม แต่แทนที่จะไปได้สวยกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะหน้าตาและสีสันของมันทำให้เด็กกลัวมาก จนต้องหยุดผลิตทั้งที่เปิดตัวได้เพียงแค่ปีเดียว ไม่นานนักก็เลิกใจการไปถึง 30 กว่าปี

หลังจาก 30 ปีผ่านไป ตุ๊กตาไบลทธ์ก็กลับมาอีกครั้ง และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการที่ Gina Garan โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกาได้รับมอบตุ๊กตาจากเพื่อน และเธอก็พาไบลทธ์ไปกับเธอแทบทุกที่ทั่วโลก และถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบ ภาพของเธอถูกนำมารวมเป็นหนังสือชื่อ This is Blythe และ Finecracker Altemative Book ผลก็คือ Gina Garan โด่งดังและนำพาให้ตุ๊กตาไบลทธ์ก็กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง และเมื่อบริษัท Tokoro ของประเทศญี่ปุ่นได้ลิขสิทธิ์ผลิตตุ๊กตา จึงทำการประชาสัมพันธ์จนทำให้ไบลทธ์เป็นที่รู้จักมากมาย ด้วยการยกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และทำให้มีส่วนร่วมกับวงการแฟชั่นด้วยการหาแบรนด์เนมต่างๆ มาสนับสนุนทำให้วันนี้ไบลทธ์ กลายมาเป็นตุ๊กตาที่มีราคาขึ้นมาทันที ปัจจุบันราคาอยู่ที่หลักหลักพันจนไปถึงหมื่นบาทขึ้น


5. Rika-Chan

กำเนิดอย่างเป็นทางการ ค.ศ. 1967 โดยบริษัททาคาระ หลังจากที่นักเขียนการ์ตูนชื่อนาง มิยาโกะ มากิ ได้สร้างสรรค์ตุ๊กตาริกะจังขึ้นมาให้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคนญี่ปุ่นมากกว่าชาวยุโรป ก็ทำให้เด็กสาวชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้นเพลิดเพลินกับการเล่นตุ๊กตาเป็นพิเศษ เพราะตุ๊กตาริกะจังมีรูปแบบการแต่งตัวตามแฟชั่นและการเล่นไม่แพ้ตุ๊กตาบาร์บี้เลยทีเดียว

ยอดขายของริกะจังนั้นสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 53 ล้านตัวทั่วโลกแล้ว และในโอกาสที่มีการเปิดตัวริกะจังในวาระครบรอบ 35 ปี ทางบริษัทโทมี่ได้จัดทำตุ๊กตาริกะจังแบบพิเศษขึ้นมา โดยตัวที่เห็นอยู่ซ้ายมือสุดนี้ที่สูง 22 เซนติเมตร ประดับเพชร 51,433 กะรัด จำนวน 881 เม็ด มูลค่า 935,000 คอลลาร์ หรือราว 31.8 ล้านบาทเลยล่ะครับ















































วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

14 วิธีเทคแคร์หัวใจ



14 วิธีเทคแคร์หัวใจ (24-7 แมกกาซีน)

เดินไปทางไหนในช่วงนี้ก็แสนจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักเต็มไปหมด โดยเฉพาะสัญลักษณ์ที่สื่อถึงวันวาเลนไทน์อย่างดอกกุหลาบ และโดยเฉพาะหัวใจที่มักจะถูกหยิบยื่นให้คนนั้นคนนี้จนวุ่นชุลมุนไปหมด นัยว่าให้ทั้งตัวและหัวใจอะไรประมาณนั้น ให้กันแบบเล่นๆ ก็ดีหรอก อย่าถึงกับควักกันจริงๆ นะจ๊ะ เพราะของอย่างนี้สูญหายไปก็ไม่มีโอกาสหาใหม่แน่ๆ ดังนั้นเราจึงควรดูแลมันให้ดีที่สุด และ 24-7 ก็มี 14 วิธีเทคแคร์หัวใจ มาฝากด้วย

ใจร้าว กับความเข้าใจเรื่องกลไกสุขภาพ

จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2545มีคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovacular Disease-CVD) เป็นจำนวนมากถึง 32,896 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 4 คน ในจำนวนนี้เพศชายมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง โดยมีตัวแปรสำคัญคือ อายุที่เพิ่มขึ้น, ประวัติในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ (บิดา-มารดา และพี่น้องสายตรง), การสูบบุหรี่, คอเลสเตอรอลภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia), ความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวานและโรคอ้วน, ขาดการออกกำลังกาย

อาการสำคัญของโรคนี้มักเกิดจากภาวะไขมันในเลือดที่ผิดปกติ ทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) เกิดเป็นตะกรันเกาะตัวหนาตามผนังหลอดเลือด นานเข้าหลอดเลือดจะปริกะเทาะ และกระตุ้นให้เกล็ดเลือดมาเกาะรวมตัวกันในบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดการอุดตันอย่างเฉียบพลันจนมีโอกาสเสียชีวิต อ่านอาการกันมาถึงบรรทัดนี้ หลายคนชักกลัวใจตัวเองจะเสียหาย อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเรามีคำแนะนำ 14 ข้อที่ทำง่าย ได้สุขภาพใจมากมายมาฝาก

1. เดินออกกำลัง 30 นาทีทุกวัน ช่วยลดโอกาสเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้ร้อยละ 30

2. ตรวจความดันเลือดเป็นประจำ และพยายามควบคุมให้ต่ำกว่า 115/75 ค่าความดันเลือดมีผลต่อความเสี่ยงโรคหัวใจมากกว่าไขมันในเลือด (คอเลสเตอรอล) การออกกำลังเป็นประจำและการลดไขมันรอบพุง (รอบเอว) มีส่วนช่วยลดความดันเลือดได้

3. กินถั่วเปลือกแข็งวันละ 1 กำมือ จำพวกถั่วอัลมอนด์ เฮเซลนัท ถั่วเปลือกแข็ง ช่วยลดการอักเสบ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) มีน้ำมันชนิดดีมาก (โอเมกา-3) โปรตีน และเส้นใย (ไฟเบอร์) ให้เลือกถั่วชนิดไม่เติมเกลือจึงจะได้ผลดี

4. ตรวจไขมันในเลือด และพยายามทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) สูงกว่า 50 โดยการออกกำลังเป็นประจำ ใช้น้ำมันที่มีประโยชน์ เช่น น้ำมันมะกอก, น้ำมันคาโนลา, น้ำมันรำข้าว ปรุงอาหาร

5. ใช้ไหมขัดฟัน (Dental Floss) ทุกวัน เพื่อป้องกันคราบจุลินทรีย์ (Plaque) และโรคปริทนต์ หรือโรคเหงือก และเนื้อเยื่อรอบโคนฟันอักเสบ โรคปริทนต์ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง การอักเสบเรื้อรังปล่อยสารเคมีไปในเลือด ทำให้เส้นเลือดเสื่อมเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของระบบหัวใจ

6. กินเนื้อมะเขือเทศบดสัปดาห์ละ 10 ช้อนโต๊ะ หรือกินมะเขือเทศในรูปแบบอื่น เช่น น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ เพื่อให้ได้โพแทสเซียม (Potassium/K) เพียงพอ โพแทสเซียมมีส่วนช่วยป้องกันโรคความดันเลือดสูงและมะเร็งต่อมลูกหมาก

7. กินกรดไขมันอิ่มตัวไม่เกินวันละ 20 กรัม และกินไขมันแปลงสภาพ (ทรานส์/Transfat) ให้น้อยที่สุด

8. อ่านฉลากอาหาร (Food Label) เลือกอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ และเกลือต่ำ

9. กินผักและผลไม้วันละ 5 ทัพพี โดยเลือกให้มีสีหลากหลายต่างกันไปตามสีรุ้งได้แก่ ม่วง,ครามน้ำเงิน, เขียว, เหลือง, แสดหรือส้ม, แดง, สีขาว ซึ่งเป็นสีพืชพันธุ์เพื่ออายุยืนยาวได้แก่ หัวหอม, กล้วย

10. กินกระเทียมทุกวัน จากงานวิจัยพบว่า กระเทียมมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ เช่นลดปริมาณของคอเลสเตอรอลในเลือด และผลการศึกษาจากประเทศเยอรมนี ยังระบุอีกว่า กระเทียมช่วยป้องกันและลดการเกาะตัวของคราบไขมันบริเวณผนังหลอดเลือดหัวใจ

11. ดื่มน้ำส้มเป็นปะจำ ผลวิจัยล่าสุดของ "คลีฟแลนด์คลินิก" ระบุว่าการดื่มน้ำส้มวันละ 2 แก้ว ช่วยลดความดันโลหิตและช่วยสร้างสมดุลของระบบการทำงานในหัวใจได้ดี

12. กินชาดำซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐ-อเมริกา กล่าวว่า การดื่มชาดำช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็น โรคหัวใจ เนื่องจากประกอบด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ สารเคมีตัวนี้ช่วยป้องกันคอเลสเตอรอล ไม่ให้ทำลายเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ

13. บริโภคหัวหอม ถนอมสุขภาพหัวใจ เนื่องเพราะในหัวหอมประกอบด้วยสารคิวเซทิน (Quercetin) พฤกษเคมี ที่ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้มากมาย และหนึ่งในคุณประโยชน์คือ ลดการอักเสบของผนังเส้นเลือดที่ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคเส้นเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต

14. ดื่มชาเขียวเสมอ จากการศึกษาพบว่าสารสำคัญในชาเขียวมีอยู่ 2 ชนิดคือ แคททิชิน และธีอะฟลาวินส์ สารเหล่านี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการออกซิไดซ์ของแอล- ดีแอล คอเลสเตอรอลซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ยับยั้งการสร้าง Cyclo Oxygenase ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ทำให้เกิดการรวมตัวของเกล็ดเลือด จึงเท่ากับเป็นการช่วยลดโอกาสเกิดหลอดเลือดอุดตันจากลิ่มเลือด อันเป็นสาเหตุของอาการโรคหัวใจได้

อ่านแล้วเริ่มทันที รับรองเห็นผลทันใจ รักตัวเองให้มากๆ แล้วจะมีคนอื่นมารักคุณเอง Happy Valentine’s Day